จากกรณีศาลอาญาอนุมัติหมายจับ นายแพทย์บุญ วนาสิน อายุ 86 ปี พร้อมภรรยา บุตรสาว และพวกรวม 9 คน เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ฐานความผิด "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน" หลอกให้ร่วมลงทุนธุรกิจเกี่ยวกับการแพทย์
วันที่ 23 พฤศจิกายน 2567 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เวลา 13.00 น.นางจารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี ภรรยาของนายแพทย์บุญ ซึ่งเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ค้ำประกันในสัญญาต่างๆ พร้อมด้วย น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี บุตรสาวของนายแพทย์บุญ ซึ่งเป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ค้ำประกันในสัญญาต่างๆ โดยทั้ง 2 เป็นผู้ต้องหา ในหมายจับข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน” เดินทางเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ โดยมี นายชำนาญ ชาดิษฐ์ ทนายความ มาด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางจารุวรรณฯ สวมเสื้อเชิ๊ตแขนสั้นสีชมพูอ่อน สวมแว่นตาดำ ถือกระเป๋าสีน้ำตาล ส่วน น.ส.นลิน สวมเสื้อยืดสีเขียว สวมหมวกแก๊ปสีน้ำเงิน เดินทางมาพร้อมกับทนายความ โดยลูกสาวช่วยพยุงนางจารุวรรณฯ ขึ้นมาพบตำรวจ ระหว่างนั้น ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามข้อเท็จจริงดังกล่าว แต่นางจารุวรรณ และ น.ส.นลิน ไม่ยอมตอบคำถามใดๆ
ต่อมา นายชำนาญ ทนายความ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ทางลูกความตนทั้ง นางจารุวรรณ และ น.ส.นลิน บอกว่า ถูกปลอมแปลงลายเซ็นโดยไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นคนทำ แต่มีการปลอมแล้วนำเอกสารพวกนี้ไปใช้กู้ยืมเงินตามที่ปรากฎเป็นข่าว ยืนยันว่าไม่ทราบว่าเป็นฝีมือใคร แต่มาทราบตอนที่มีหมายศาลฟ้องมาเป็นระยะ โดยเมื่อนางจารุวรรณฯ ตรวจสอบแล้วปรากฏว่า กรณีที่มีการกู้ยืมเงิน และค้ำประกันต่างๆ เป็นลายเซ็นปลอมทั้งหมด โดยตัวนางจารุวรรณ ไม่เคยไปกู้ยืมเงินแต่อย่างใด รวมถึงไม่ได้เซ็นค้ำประกันด้วย
และในช่วงที่มีการกู้ยืมเงินค้ำประกันตามที่ปรากฏเป็นข่าว ส่วนใหญ่ นางจารุวรรณ เดินทางอยู่ที่ต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่ในคำฟ้องนั้นจะเซ็นแบบเป็นสำเนาไม่ใช่ลายเซ็นจริง โดยต้นฉบับอยู่กับฝั่งผู้ให้กู้ และความต่างของลายเซ็นค่อนข้างเยอะ ซึ่งเรื่องการปลอมลายเซ็นนั้น ไม่ใช่จะเพิ่งมาพูด แต่มีการต่อสู้คดีทางแพ่งเรื่องนี้มานานแล้ว รวมถึงมีการแจ้งความไว้ที่ บก.ปอศ.ไว้เมื่อช่วงประมาณเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา
ในทางคดีแพ่งได้ต่อสู้คดีว่าเป็นลายเซ็นปลอม และขอให้ศาลตรวจพิสูจน์ รวมถึงคดีอาญา ศาลมีการนัดพร้อมเพื่อให้นางจารุวรรณ ไปเซ็นเปรียบเทียบต้นฉบับที่อ้างว่ามีการค้ำประกัน และเซ็นเช็ก โดยให้คู่ความส่งต้นฉบับ และให้นางจารุวรรณเซ็นใหม่ พร้อมกับมีการนำตัวสัญญาในช่วงที่อ้างว่ามีการเซ็นกู้หรือค้ำ อยู่ระหว่างรอศาลนัด
เมื่อถามว่า อาจจะเป็นลายเซ็นหมอบุญหรือไม่ ทนายความ ตอบว่า อาจจะเป็นเช่นนั้น เพราะผู้ที่กู้ที่มีชื่ออยู่ในสัญญา ก็เป็นแพทย์หมอบุญ รวมถึงนางจารุวรรณ และหมอบุญ ก็มีการจดทะเบียนหย่ากันไปแล้ว โดยไม่ทราบว่าตั้งแต่ปีไหน
เมื่อถามถึงสาเหตุว่า ทำไมถึงต้องมีการปลอมแปลงลายเซ็นคนในครอบครัว ทนายความ ตอบว่า ไม่ทราบเหมือนกัน ส่วนในช่วงที่มีการปลอมแปลงลายเซ็นเป็นช่วงที่หย่าร้างกันไปแล้ว
ส่วนกรณีที่นางจารุวรรณ เดินทางไปต่างประเทศ เป็นช่วงระหว่าง ปี 2561-2567 มีการเดินทางอยู่ตลอด และเกิดอ้างว่ามีการกู้และค้ำ จนถูกฟ้อง และตรวจสอบว่ามีสัญญาฉบับไหนบ้าง มองเห็นชัดเจนเลยว่าเป็นลายเซ็นปลอม ก่อนตรวจสอบในเรื่องเวลาที่อ้างว่ามีการเซ็น และทั้ง 200 กว่าฉบับนั้นถูกปลอมทั้งหมด
ทนายความ กล่าวอีกว่า นางจารุวรรณ จะมีการเอาผิดทั้งหมอบุญ และทุกคนที่เกี่ยวข้อง ส่วนเรื่องการประกันตัว ต้องอยู่ที่ทางพนักงานสอบสวน จะอนุญาตหรือไม่