23 พฤศจิกายน 2567 เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น ร่วมกันรแถลงข่าวความคืบหน้าทลายเครือข่าย นายเเพทย์ บุญ วนาสิน พร้อมกับผู้ร่วมขบวนการรวม 9 คน โดย "นายแพทย์บุญ วนาสิน เป็นผู้ต้องหา กับพวก" ตามความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2537 ผู้เสียหายจำนวน 247 คน
พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีผู้เสียหาย ทยอยมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง เสียหายประมาณ 7,500 ล้านบาท โดยมีพฤติการณ์ ผู้เสียหายได้รับการติดต่อ ชักชวนจากตัวแทน บริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ว่า ตนเป็นตัวแทนการระดมเงินลงทุน ให้นายแพทย์บุญ วนาสิน หรือ หมอบุญ และ ครอบครัว แจ้งว่านำไปลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ ใน 5 โครงการ เช่น โครงการสร้างศูนย์มะเร็ง , โครงการเวลเนสเซ็นเตอร์ , สร้างโรงพยาบาลใน สปป.ลาว , เข้าร่วมลงทุนโรงพยาบาลในเวียดนาม
โดยนายเพทย์บุญ สร้างความน่าเชื่อถือให้ตัวเองอ้างว่า จะมีการลงทุนดังกล่าว ผ่านสื่อสาธารณะ , เว็บไซต์ , สื่อออนไลน์ และ สำนักพิมพ์หลายแห่ง มีการทำสัญญากู้ยืม โดยมีผลตอบแทนสูงกว่าสถาบันการเงิน และจ่ายเช็คเพื่อชำระหนี้เงินกู้ และดอกเบี้ย ในชื่อนายเเพทย์บุญ วนาสิน พร้อมทั้งมีบุคคลในครอบครัวเป็น ภรรรยา ลูกผู้ค้ำประกันตามสัญญา และ เซ็นสลักหลังในเช็คทุกฉบับ มอบให้ผู้เสียหาย ในช่วงเเรกมีการชำระดอกเบี้ย บางส่วนบางคน ต่อมาไม่มีการจ่ายเลย
ต่อมาเมื่อครบกำหนดชำระเงินตามเช็ค ปรากฏว่าธนาคารปฏิเสธ การจากการตรวจสอบพบว่า โครงการต่างๆ ที่ผู้ต้องหานำเสนอผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว ไม่มีอยู่จริง พฤติกรรมดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันให้กู้ยืมเงิน ที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และ ร่วมกันฟอกเงิน"
ซึ่งช่วงวันที่ 29 กันยายน 2567 พบว่า หมอบุญ เดินทางออกต่างประเทศ เส้นทาง กรุงเทพ -ฮ่องกง ซึ่งเห็นว่ามีพฤติการหลบหนี รวมถึงมีการที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล สื่อมวลชนอาวุโส เเละ นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม ออกมาเปิดโปงถึงพฤติกรรมนายเเพทย์คนดัง หลังมีผู้เสียหายเข้ามาร้องเรียนว่า นายแพทย์ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลชื่อดัง หลอกลวงเงินผู้อื่นให้มาร่วมลงทุน ธุรกิจเกี่ยวกับโรงพยาบาล บริการทางการเเพทย์ มูลค่าความเสียหายหลายพันล้านบาท
ต่อมามากองบังคับการตำรวจนครบาล 1 จึงได้แต่งตั้งตั้ง คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนขึ้น โดย พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบช.น. เร่งดำเนินการโดยด่วน เนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายสูง กระทั่งเมื่อวันที่ 22 พ.ย. 67 คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 ได้รวบรวมพยานหลักฐาน จึงทราบว่า หมอบุญเป็นตัวการ เเละ ภรรยา กับลูก ร่วมเซ็นสลักชื่อค้ำประกัน ในสัญญาเงินกู้ ส่วนกลุ่มที่ 3 คือ กลุ่มโบกเกอร์ พนักงานสอบสวน จึงขออำนาจศาลอาญา ออกหมายจับ นายแพทย์บุญ วนาสิน ผู้ต้องหา กับพวก รวม 9 คน และ ศาลอาญา อนุมัติหมายจับ ตามหมายจับ
และวันเดียวกัน (22 พ.ย. 67) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาตามหมายจับได้ จำนวน 6 ราย ส่วนอีก 3 ราย ตัวการสำคัญ คือ หมอบุญ ตอนนี้ยังอยู่ต่างประเทศ เเละ ภรรยา เเละ ลูกสาว ขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามจับกุมตัว ผู้ร่วมขบวนการนี้เพิ่มเติม และ เร่งติดตาม สืบค้น ยึด อายัด ทรัพย์สินต่างๆ ทั้งโฉนดที่ดิน 21 เเปลง ที่มีการยักย้ายถ่ายเท รถยนต์ 19 คัน ของผู้ต้องหา อยู่นะหว่างการตรวจสอบ เพื่อนำมาคืนสู่ผู้เสียหายให้ได้มากที่สุดต่อไป
ซึ่งหาคดีมีความยุ่งยากซับซ้อน เป็นความผิดที่เป็นคดีพิเเศษ จะรวบรวมหลักฐานให้ ผบ.ตร. ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตอนนี้ได้ประสาน ตม. ในต่างประเทศเพื่อติดตามจับกุม ทราบว่า นายเเพทย์บุญ เดินทางต่อจากฮ่องกงไปจีนเเล้ว
ส่วนผู้ที่เสียหายมากที่สุดที่ร่วมลงทุน มากที่สุดมากถึง 600-700 ล้าน เป็นนักธุรกิจที่หลงเชื่อว่า จะมีการลงทุนจริง อย่างไรก็ตามจะพยายามถึงที่สุดในการตามล่าตัว ตามหาทรัพย์สินกับมาคืนผู้เสียหายให้ได้ ทั้งนี้โบกเกอร์ให้การยอมรับว่า จะได้เปอร์เซ็นต์จากที่การชวนผู้เสียหายมาร่วมลงทุนอีกด้วย