22 พฤศจิกายน 2567 ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ "ทนายอาคม คงสวัสดิ์" ทนายความของ "เดือน" นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาของทนายตั้ม เข้าไปเยี่ยมและคุยกับ "ทนายตั้ม" นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เข้าไปคุยกับทนายตั้ม นานเกือบ 4 ชั่วโมง
ภายหลังเข้าพบทนายตั้ม ทนายอาคม ให้สัมภาษณ์ ว่า ทนายตั้มบอกว่า ภรรยา ไม่ทราบที่มาของเงินว่าได้มาจากการฉ้อโกง ซึ่งเมื่อตนเองฟังก็รู้สึกหนักใจแทน
เพราะดูท่าทีแล้วทนายตั้มยังต้องการที่จะสู้คดีอยู่ แปลความได้ว่า ยังไม่รู้สำนึก ยังคิดว่าสู้ แล้วพอมีทาง ซึ่งตนเองก็ให้คำแนะนำไปว่า ถ้าสู้หัวชนฝามันไม่มีเหตุให้ลดโทษ บรรเทาโทษ
และยิ่งเป็นคนที่มีความรู้ด้านกฎหมายโทษหนักแน่นอน ซึ่งเข้าต้องพร้อมรับบทลงโทษที่จะได้รับ
และตนเองยังได้อธิบายเพิ่มถึงผลการกระทำของเขา ว่า มันกระทบต่อคนรอบข้างทุกคน ทั้งคนที่สนิทสนมใกล้ชิดทุกคน
คุณเดือน ภรรยาคุณตั้ม ไปมีส่วนเกี่ยวข้องในขั้นตอนการรับโอนกรรมสิทธิ์ ที่บ้านหรูย่านตล่งชัน เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2566 ซึ่งเป็นช่วงเวลาใกล้กันกับที่รับโอนเงินมา 71 ล้านบาท ห่างกันเพียงเดือนนิดๆ มันก็สามารถบ่งชี้ได้ว่า เจตนาที่จะทำแพลตฟอร์มฉลากกินแบ่งรัฐบาลมีอยู่จริงหรือไม่
เมื่อถามว่า ภรรยาทนายตั้มมีชื่อในแพลตฟอร์มออนไลน์หรือไม่
ทนายอาคม บอกว่า ตรวจสอบแล้ว ยืนยันว่า ไม่มีรายชื่อ หรือไปยุ่งเกี่ยว ซึ่งคุณเดือนมีเพียงชื่อที่เป็นผู้ถือหุ้นใน บริษัท ษิทรา ลอว์เฟิม เท่านั้น จำนวน 45% ส่วนอื่นๆคุณเดือนไม่ได้มีชื่อ
และเมื่อถามว่าจากที่คุยวันนี้ทนายตั้มมีท่าทีปกติหรือไม่ หลังจากที่ไม่ได้คุยกันมานาน
ทนายอาคม บอกว่า ท่าทีของทนายตั้ม เหมือนอยากได้คำแนะนำในแง่การต่อสู้คดีมากกว่าคำแนะนำที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของบรรเทาโทษ
เมื่อถามว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มาเจอกันหลังจากที่มีปัญหา แตกคอกัน
ทนายอาคม บอกว่า จะใช้คำว่า แตกคอมันอาจจะไม่ถึงขนาดนั้น แต่บางเรื่องมันไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ แต่ในฐานะคนรู้จักกันและตนเป็นพี่มัน ก็ทำได้แค่ให้สติ
ว่าเราทำอะไรลงไปเราต้องรู้ตัว และเราเป็นผู้มีวิชาชีพกฎหมายควรจะใช้เพื่อความประโยชน์ของประเทศ
เมื่อถามว่าแนวโน้มทนายตั้มจะยอมรับสารภาพหรือไม่
ทนายอาคม บอกว่า ดูแล้วทนายตั้มจะสู้หัวชนฝาแน่นอน ตนมองว่ามันเป็นข้อเสียแน่นอน หนทางในกระบวนการยุติธรรมมันมีแค่ซ้ายกับขวา ไม่แพ้ก็ชนะ
ผมได้คุยกับเขาเรื่องคลิปพี่อ้อยที่คุยกับคุณสนธิเมื่อวานนี้ ว่า มันไม่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีของทนายตั้ม เพราะว่าหลักของฉ้อโกง โดยทุจริต หลอกลวงปกปิด ความจริงอันควรบอกในที่แจ้ง ตรงนี้อาจไม่มีพฤติกรรมของทนายตั้มเข้าไปเกี่ยวในเงิน 39 ล้าน
แต่ที่จะเกี่ยวคือการหลอกลวงนั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินเพื่อตนเองหรือบุคคลที่สาม คำว่าบุคคลที่สาม น่าจะไปเกี่ยวข้องกับทนายตั้ม
และคดีของคุณเดือนไปเกี่ยวข้องในขั้นตอนการไปรับโอนกรรมสิทธิ์ ถ้าบอกในแง่ของกฎหมายการกระทำมันมีองค์ประกอบอยู่ 2 องค์ประกอบ คือ ภายนอกและภายใน ภายนอกคือการลงลายมือชื่อรับโอนนั้นต้องเกิดขึ้นจริง ส่วนองค์ประกอบภายใน ต้องดูว่ามีเจตนาที่จะไปทำความผิดหรือไหมรู้หรือไม่รู้ซึ่งกระบวนการนี้ต้องไปตรวจสอบ
เมื่อถามว่าทำไมทนายตั้มถึงไม่รับสารภาพ เพื่อบรรเทาโทษให้ภรรยา ถ้าหากมีความเป็นห่วงภรรยา
ทนายอาคม บอกว่า ทนายตั้มเป็นห่วงภรรยา แต่ส่วนนี้มันต้องแยกกัน มันคนละเรื่องกัน การกระทำของภรรยาและการกระทำของทนายตั้ม แต่ที่ตั้งข้อสังเกตคือทั้งสองคนเป็นสามีภรรยาจะไม่มีการรับรู้อะไรเลยเหรอ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ส่วนประเด็นเรื่องพินัยกรรม ทนายตั้มยอมรับว่ามีชื่อเขาเป็นผู้จัดการมรดกจริง แต่จำไม่ได้ว่าเป็นฉบับที่ 1 หรือฉบับที่ 2 เนื่องจากว่ามีการแก้ไขหลายครั้ง และยังบอกอีกว่ามีการฉีกทำลายแล้ว
ส่วน GPS ที่ติดมากับรถเบนซ์ ทนายตั้มยืนยันว่าไม่ได้มีการล็อกอินเข้าไป หลังจากที่มีการส่งมอบรถไปแล้ว และในโทรศัพท์ของทนายตั้มก็ไม่มีแจ้งเตือนหรือแอพพลิเคชั่นของรถเบนซ์ ซึ่งตนได้ถามว่าทำไมในสัญญา GPS ที่จดทะเบียนกับรถเบนซ์ถึงเป็นชื่อของทนายตั้ม ทนายตั้มก็บอกว่าไม่ทราบอาจจะเป็นเรื่องที่ทางเต้นท์รถดำเนินการให้
ทนายอาคม ยังบอกอีกว่า ตนได้เล่าให้ทนายตั้มฟังว่ามีข่าวออกว่า ทนายตั้มมีการวางแผนลวงพี่อ้อยไปฆ่า ทนายตั้มฟังแล้วก็ไม่ได้ตกใจ ก็บอกว่าไม่ได้คิดที่จะไปทำแผนประทุษกรรมอะไรแบบนั้น
ซึ่งตนยังตั้งขอสังเกตอีกว่า พฤติกรรมหลายพฤติกรรมมันน่าสงสัยตั้งแต่สัญญาพินัยกรรม การโอนเงิน การใช้เงิน มันส่อพิรุธไปในทางที่ไม่เป็นผลดีกับทนายตั้ม
ส่วนเรื่องการพาไปที่จุดอับสัญญาณโทรศัพท์ ในที่ต่างๆ นายตั้มบอกว่าไม่ได้ไปไม่มีการเดินทางไป
เมื่อถามว่ามีการชวนไปจริงหรือไม่
ทนายอาคม บอกว่า เมื่อเวลาที่พี่อ้อยมาเมืองไทยก็จะมีโปรแกรมไปเที่ยว ว่าอยากไปไปเที่ยวไหน อาจจะมีการนำเสนอแต่สุดท้ายก็อยู่ที่พี่อ้อยเป็นคนเลือก
ส่วนทนายเกิดผลที่มาด้วยในวันนี้ไม่ได้เข้าเยี่ยมเนื่องจาก เป็นกฎระเบียบของทางราชทัณฑ์หากอยู่ในรายชื่อหรือได้รับการแต่งตั้งเป็นทนายความก็ไม่สามารถเข้าเยี่ยมได้
เมื่อถามว่าทนายตั้มทราบหรือไม่ว่าทนายเกิดผลมาเยี่ยม
ทนายอาคม ตอบว่า ทนายตั้มก็แค่รับทราบเท่านั้น และตนได้ยื่น ใบแต่งตั้งทนายความให้ไปด้วย (ยังไม่มีมีการเซ็นอะไรเกิดขึ้น)
เมื่อถามว่าทราบหรือไม่ว่าทนายสายหยุดจะรับทำเงินคดี 39 ล้าน หรือไม่
ทนายอาคม บอกว่า เท่าที่ตนคุยกับทนายสายหยุด ว่าถ้าพยานหลักฐานเชื่อได้ว่าทนายตั้มมีส่วนร่วมกับเงิน 39 ล้าน ทนายสายหยุดก็จะไม่รับทำ
เมื่อถามว่าถ้าหากสุดท้ายแล้วทนายตั้มมาร้องขอให้ทนายอาคมมาช่วยทำคดี จะช่วยหรือไม่
ทนายอาคม บอกว่า ผมไม่ทำอยู่แล้วมันมีเหตุผลส่วนตัวระหว่างผมกับเขา และที่ผมโผล่มามานี่ก็มาแค่เรื่องเดียวเท่านั้น
เมื่อถามว่าเรื่องร้ายแรงขนาดไหนที่เกิดขึ้นระหว่างทนายอาคมและทนายตั้ม
ทนายอาคม เผยตบท้ายว่า เล่าไปแล้วรับไม่ได้แน่นอน หนักกว่านี้อีกเยอะเรียกว่าจะไม่เผาผีกันเลยและผมคิดว่าคนที่จะคุยหรือคนที่รักมันเหลือน้อย แล้วที่ผมมาคุยกับมันก็ถือว่าเป็นบุญมันแล้ว