จากกรณีที่ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เข้าให้ปากคำในฐานะพยานกับพนักงานสอบสวนกองปราบเมื่อวานที่ผ่านมานั้น พบว่า ข้อมูลที่พนักงานสอบสวนได้รับค่อนข้างเป็นประโยชน์กับรูปคดีอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องของการติด GPS ในรถของ "เจ๊อ้อย" และ เรื่องขบวนการวางแผนตั้ง "ทนายตั้ม" นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เป็นผู้จัดการมรดก ของ "เจ๊อ้อย"
เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. เปิดเผยกับทีมข่าวว่า
วันนี้ได้เชิญ "เจ๊อ้อย" น.ส.จตุพร อุบลเลิศ เศรษฐีนีคนไทย ที่ใช้ชีวิตที่ฝรั่งเศส มาให้ปากคำเพิ่มเติมที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) กรณีปมเงิน 71 ล้านบาท ที่ "ทนายตั้ม" และ ภรรยา ฉ้อโกง
โดยเน้นตรวจสอบคำให้การก่อนหน้านี้ว่ามีส่วนใดขาดตกบกพร่อง และเพื่อให้สำนวนการสอบสวนครบถ้วนสมบูรณ์
และสำหรับประเด็นเรื่อง "พินัยกรรม ตั้ง ทนายตั้ม เป็นผู้จัดการมรดก" ในการสืบสวนที่ผ่านมาไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ในวันนี้อาจมีการสอบถามเพิ่มเติมว่าพินัยกรรมเกี่ยวข้องกับคดีในส่วนใดหรือไม่
การให้ปากคำครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญในการรวบรวมข้อมูลเพื่อความชัดเจนในคดีที่อยู่ระหว่างดำเนินการ
ต่อมาในเวลา 10.15 น. "เจ๊อ้อย" พร้อมผู้ติดตาม อีก 3 คน เดินทางมาถึงยัง บก.ป. โดยเข้าทางด้านหลังของอาคาร ผ่านลานจอดรถชั้น 2 ก่อนเข้าสู่ห้องพนักงานสอบสวน
ซึ่งตัวของ "เจ๊อ้อย" ปรากฏตัวในชุดแจ็คเก็ตสีขาวและหมวกสีชมพู โดยผู้ติดตาม 3 คน ยังถือถุงอาหารจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าเตรียมไว้สำหรับการรับประทานระหว่างการสอบปากคำ เนื่องจากกระบวนการอาจใช้เวลานานหลายชั่วโมง
เมื่อมาถึงทางเข้าอาคาร "เจ๊อ้อย" ได้รับการต้อนรับจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เธอโบกมือและสวัสดีทักทายสื่อมวลชนที่รออยู่ แต่ไม่ได้ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด ก่อนจะเดินเข้าสู่ห้องสอบสวนทันที
ดูคลิป