วันที่ 9 พ.ย.2567 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ ต.ทุ่งพระยา อ.สนามชัยเขต หลังรับแจ้งร้องทุกข์จากชาวบ้าน
เหตุถูกลูกเขยบุกทำลายบ้าน ยิงปืนถล่มบ้านรูพรุน ก่อนลาดน้ำมันเผาบ้าน เมื่อไปถึงพื้นที่เกิดเหตุ หมู่ที่ 3 บ้านโคกตะเคียนงาม 9 ต.ทุ่งพระยา อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา พบนายสมเกียรติ อายุ 61 ปี พ่อตา และนางบุญสุด อสยุ 61 ปี แม่ยายพร้อมลูกๆหลานๆ เพื่อนบ้านมารอผู้สื่อข่าว โดยภาพที่ปรากฏ สภาพบ้านถูกเผาวอดไม่เหลืออะไรเลย
นายสมเกียรติ และนางบุญสุด เล่าว่า อดีตลูกเขยทราบชื่อคือนายมนตรี เป็นคนจังหวัดปราจีนบุรี ได้เป็นสามีใหม่ของลูกสาวคนที่ 2 จากที่ตนมีลูกทั้งหมด 4 คน น.ส.มนัส นิลศิริ 34 ปี ลูกคนที่ 2 (แฟนคนก่อเหตุ) ที่ขณะนี้ก็หนี เพราะกลัวจะถูกฆ่า
นายมนตรี ได้ก่อเหตุมาทั้งหมด 4 ครั้ง โดยครั้งแรก 6 ก.ค.2567 เวลา 04.00 น. นายมนตรี บุกไปทำลายพังประตู หน้าต่าง บ้านของ นางกนกกาญจน์ อายุ 37 ปี ลูกสาวคนโต ซึ่งเป็นพี่สาวของน.ส.มนัส ภรรยาผู้ก่อเหคุ ครั้งที่ 2 วันที่ 24 ต.ค.2567 เวลา 19.00 น. นายมนตรี บุกมาที่บ้านพ่อตา เป็นบ้านปูนกับไม้ชั้นเดียว โดยมาทำลายทรัพย์สินรอบบ้าน พังประตุ หน้าต่าง แล้วเอาน้ำมันที่ใส่แกลอนมาลาดรอบบ้าน แต่ไม่จุดไฟเผา
เพียงตะโกนด่าทอหยาบคาย ขู่ว่าหากไม่ส่งเมียมาจะเผา จะฆ่าให้หมดบ้าน ก่อนที่จะเอาปืนลูกซองยาว ยิงถล่มมาทางด้านหลังบ้าน จนหลังคาเป็นรูพรุน 9 นัด และยังสร้างความผวาเพราะขณะนั้น แม่ยายกำลังอาบน้ำให้หลานสาววัย 3 ขวบ ซึงเป็นลูกสาวของเมียนายมนตรี แต่ไม่ใช่ลูกสาวนายมนตรี แต่เป็นลูกของสามีเก่าของ น.ส.มนัส ลูกสาวคนที่สอง ก่อนที่จะเลิกรากันไป แล้วมาได้เสียเป็นเมียนายมนตรี
ต่อมาครั้งที่ 3 วันที่ 6 พ.ย.2567 เวลา 19.30 น. นายมนตรีได้มาตะโกนด่าทอ พร้อมขู่ฆ่า แล้วไปทุบรถยนต์กระบะอีซูซุ ของพ่อตาที่จอดไว้ และครั้งที่ 4 ที่ยังไม่รู้จะเป็นครั้งสุดท้ายไหม นายมนตรี มารอบวางเพลิงด้วยการนำน้ำมันมาลาดแล้วจุดไฟเผา เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 เวลา 02.00 น. จนไม่เหลืออะไร วอดทั้งหลัง
ด้านพ่อตา ได้พาผู้สื่อข่าวไปดูรอบบ้าน พบว่าด้านหลังบ้านติดกับห้องน้ำ หลังคาที่เป็นเหล็กเมทเทนชีสเป็นรูพรุน นับได้ 9 รู จากการที่ผู้ก่อนเหตุใช้อาวุธปืนลูกซองยิงถล่ม ซึ่งนาทีนั้นแม่ยายกอดหลายน้อยวัย 3 ขวบ ที่กำลังอาบน้ำอย่างหัวใจแทบวาย และยังพบรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง ที่ไว้สำหรับขับขนผักไปตระเวนค้าขายถูกไฟไหม้เกรียม รวมถึงหม้อข้าว ทีวี ตู้เย็น อื่นๆอีกมากมาย คือแบบว่าไม่เหลืออะไร เหลือเพียงเสื้อผ้าคนละ 1 ชุดที่ใส่
ขณะที่นางกนกกาญจน์ 37 ปี ลูกสาวคนโต เล่าว่า ตนเห็นน้องเขย วันยิง ได้ยินเสียงโวยวายนาทีนั้นพากันตกใจ กลัวต้องอยู่กันนิ่งๆ ส่วน(ผู้หญิงเสื้อน้ำเงินสวมหมวก) คือ น.ส อรนี 32 ปี บ้านอยู่บ้านมาบนาดี ที่ห่างจากบ้านพ่อที่เกิดเหตุไป 3 กม บอกกับผู้สื่อข่าวว่า อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมาให้การช่วยเหลือ ตอนนี้จิตใจย่ำแย่มากแล้ว บ้านพี่บ้านน้อง บ้านญาติๆ ที่อยู่ตรงบ้านเกิดเหตุรอบวางเพลิง พากกันหนีย้ายออกไปอยู่ข้างนอกกันหมด
ส่วนพ่อกับแม่ ก็ให้มาพักที่บ้านตน เพราะจิตตก ผวา กลัว ตอนนี้ทางตำรวจ สภ.วังคู ก็เพียงมาดูที่เกิดเหตุ และเรียกพ่อ แม่ และทุกคน ลูกๆ ไปสอบทีละคน ตำรวจบอกว่ายังทำอะไรไม่ได้ เพราะจู่ๆจะไปกล่าวหา หลักฐานไม่ชัดเจน ซึ่งตน พ่อ และแม่ ลูกๆทุกคนก็ยืนยันกับตำรวจว่าเป็นนายมนตรี สามีใหม่ของพี่สาว ตอนนี้แอบพากันมาได้แค่ช่วงกลางวันเพื่อพาพ่อ แม่ พี่สาว มาเก็บผักไปขาย
ด้านผู้สื่อข่าว เองก็รู้สึกสงสาร หดหู่ใจ ก็รวบรวมเงินกัน และจากนายอุดร เทพวาที ประธานสภา อบจ.ฉะเชิงเทรา จัดซื้อเครื่องครัว ข้าวสาร ของใช้จำเป็น ไปให้เพื่อเป็นกำลังใจ ซึ่งก็ต้องรอดูว่าสุดท้ายตำรวจจะมีการรวบรวบพยานหลักฐานตามขั้นตอนกฎหมายอย่างไรต่อไป
10 พฤศจิกายน 2567 ล่าสุด ตำรวจบก.สส.ภ.2 ดำเนินการสืบสวนสอบสวนกรณีดังกล่าว ได้ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายมนตรี ไทยส่วย อายุ 48 ปี ลูกเขยของบ้านเกิดเหตุ และตามจับกุมได้ที่บ้านอยู่ที่ ต.เขาไม้แก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ได้ตรวจค้นพบยาบ้าจำนวน 9 เม็ด ในครอบครอง จึงจับกุมตัวดำเนินคดีในข้อหาครอบครองและเสพยาบ้าฯนำส่ง ตำรวจ .สภ.กบินทร์บุรี
ส่วนความผิดอื่นในท้องที่ สภ.วังคู เช่น ยิงปืน วางเพลิง ข่มขู่ จะได้รวบรวมหลักฐานดำเนินคดีทุกกรรรมทุกวาระต่อไป