8 พฤศจิกายน 2567 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก กทม. นายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของ "ทนายตั้ม" นายษิทรา เบี้ยบังเกิด และ นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยา เดินทางยังมาศาลอาญา พร้อมเปิดเผยว่า
วันนี้ตนจะไม่ยื่นคําร้องขอประกันตัวทนายตั้ม โดยให้เหตุผลว่า หากเป็นคดีใหญ่ความเสียหายค่อนข้างสูงแบบนี้และมีการระบุพฤติกรรมในหมายจับว่ายุ่งเหยิงกับพยานหลักหลักฐานและพยายามหลบหนี
รวมถึงปล่อยข่าวว่าหนี ซึ่ง 3 องค์ประกอบดังกล่าว หากไม่มีพยานหลักฐานที่มากพอสมควร หากยื่นคําร้องไปโอกาสประกันตัวก็แทบจะเป็นศูนย์
ดังนั้นทนายตั้ม จึงยืนยันว่าจะไม่ขอยื่นประกันตัวในชั้นศาลวันนี้ แต่ทางทีมทนายจะยื่นคําร้องขอประกันตัว นางปทิตตา ภรรยาของทนายตั้ม ส่วนจะใช้หลักทร้พย์เท่าไหร่นั้นอยู่ระหว่างสอบถามกับทางศาล ส่วนศาลจะให้ประกันตัวหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล
ยืนยันว่า ทนายตั้ม ไม่มีพฤติกรรมหลบหนีแต่อย่างใด ซึ่งวันที่ถูกจับกุมทนายตั้มและภรรยาเตรียมเดินทางไปทําบุญที่วัด ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา
ที่ผ่านมาจากการพูดคุยทราบว่า ทนายตั้ม มีการสวมชุดสูทนอนอยู่บ้านหลายวัน เพราะไม่อยากถูกตํารวจจับกุมขณะสวมใส่ชุดนอนเหมือนใครบางคน
ส่วนการที่ตํารวจไปจับกุมกลางถนน เหมือนเป็นการตบหน้ากลางสี่แยกหรือไม่นั้น ส่วนตัวมองว่าการปฏิบัติการของตํารวจกองปราบมักจะเล่นใหญ่แบบนี้ทุกครั้ง
ส่วนที่จะบอกว่าทนายตั้มไม่ผิดนั้น จากการพูดคุยทราบว่าอาจเป็นการยืมเงินและเป็นความผิดเพ่งหรือไม่ เพราะคดีฉ้อโกงกับเพ่ง เป็นเพียงเส้นบางๆของข้อกฎหมาย ดังนั้นรายละเอียดต่างๆตนไม่ขอเปิดเผย การสู้คดีตัดสินในชั้นศาล ไม่ได้ตัดสินทางทีวี ทั้งนี้ทนายตั้มไม่มีความกังวลใดๆส่วนภรรยากังวลเป็นปกติของผู้หญิง
ด้าน "ทนายเจ้อ้อย" ยื่นค้านประกัน "ทนายตั้ม"
ด้าน นายสมชาติ พินิจอักษร ทนายความของ "เจ๊อ้อย" ที่เดินทางมายังศาลอาญา เพื่อขอยื่นคัดค้านการประตัวของ"ทนายตั้ม-ภรรยา" หลังถูกออกหมายจับข้อหา3 ข้อหาหนัก ฉ้อโกง , ฟอกเงิน, ร่วมกัน
โดย นายสมชาติ กล่าวว่า วันนี้ตัวเองเดินทางมายื่นคัดค้านการประกันตัวของผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ซึ่งการคัดค้านจะมีน้ำหนักหรือไม่ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล แต่เหตุผลที่คัดค้านเนื่องจากทนายตั้มมีพฤติกรรม ขับรถมุ่งหน้าไปทางภาคตะวันออก มุ่งหน้าชายแดน ตามที่ปรากฏในสื่อ
อีกทั้งกังวลว่าหากได้รับการปล่อยตัวเกรงว่าจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน แม้ว่าพยานหลักฐานจะเป็นนิติวิทยาศาสตร์แต่ก็มีบางส่วนที่ตามหลักการแล้วจะต้องเป็น พยานบุคคล จึงทำให้ ต้องคัดค้านการประกันตัว
ส่วนการออกหมายจับ หรือเหตุผลที่พนักงานสอบสวนยื่นต่อศาล เชื่อว่าเป็นคดีเงิน 71 ล้าน และคดีฟอกเงิน ส่วนคดี 39 ล้าน , รถเบนซ์ และค่าออกแบบ 9 ล้าน ตัวเองไม่ทราบรายละเอียดเนื้อสำนวน
ส่วนที่ภรรยาทนายตั้มถูกดำเนินคดีนั้น จะมีความผิดร่วมกับทนายตั้มหรือไม่ ในเนื้อสำนวนตัวเองไม่ทราบ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีหลักฐานการออกหมายจับอยู่
สำหรับที่มีกระแสข่าว ที่ว่าทนายตั้มจะไม่ยื่นประกันตัวต่อศาลจะขอนอนเรือนจำ แต่จะขอให้ภรรยาได้รับการประกันตัว ตนมองว่าเหตุผลดังกล่าวไม่สามารถทำได้ เนื่องจากดุลพินิจของศาลจะพิจารณาเป็นรายบุคคลซึ่งแตกต่างกัน
อนาคตนั้นจะมีการยื่นค้านประกันตัวทุกครั้งหรือไม่ ต้องขอดูสถานการ์ณเป็นครั้งๆไป ยังไม่สามารถระบุได้ ทั้งนี้หลังจากที่ทนายตั้มถูกออกหมายจับ ทางเจ้อ้อยไม่ยินดียินร้าย เสียใจ โดยยึดอุเบกขาเป็นตัวตั้ง
"ออยศรี" ขึ้นศาลคดีถูก "ทนายตั้ม" ฟ้องหมิ่นประมาทฯ เผยศาลสั่งเลื่อนสืบพยาน ก.พ.68 เนื่องจากคู่กรณีถูกรวบ
ด้าน "ออยศรี" น.ส.บุญยนุช แสงศรี แอดมินเพจดัง และทนายความ เดินทางมาศาลอาญาในฐานะเป็นจำเลย กรณี "ทนายตั้ม" เป็นโจทย์ ฟ้องในข้อหา "หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา" ซึ่งวันนี้เป็นวันนัดสืบพยานทั้งโจทย์และจำเลย แต่ปรากฏว่าทาง "ทนายตั้ม" ในฐานะโจทย์ถูกจับกุม
ทำให้ศาลมีคำสั่งเลื่อนออกไป โดยนัดอีกครั้งในวันที่ 27 และ 28 กุมภาพันธ์ 2568 เนื่องจากต้องสืบพยานหลายปาก 1 วัน เกรงว่าจะไม่แล้วเสร็จ จึงทำให้ศาลต้องนัด 2 วันในครั้งต่อไป
ส่วนการนัดครั้งหน้า ขึ้นอยู่กับว่าทนายความของ นายษิทรา ที่ได้รับการแต่งตั้ง ต้องทำการเบิกตัวจากเรือนจำออกมาสืบพยานในวันดังกล่าว
สำหรับการนัดครั้งหน้า ออยศรี เผยว่า ขอให้ทนายของนายษิทรา จัดการให้เรียบร้อย เพื่อที่จะมาให้ตรงนัดเพราะ ส่วนตัวก็เสียเวลามากกับเรื่องนี้ ทั้งที่ไม่มีอะไรเลย อยากมาสู้ให้จบๆกันไปสำหรับคดีความ
ส่วนตัวรอวันนี้มา 1 ปีกว่า แต่วันนี้ทางโจทย์เกิดเหตุสุดวิสัยเสียก่อน ก็น่าเสียดายเพราะส่วนตัวเตรียมความพร้อมที่จะขึ้นเบิกความแล้ววันนี้
ขณะที่ นายธนาคาร น้อยพิทักษ์ หรือ ทนายความของออยศรี ระบุว่า หากทนายความของนายษิทราไม่มีการเบิกตัวของษิทรามาในนัดหน้า ส่วนตัวแนะนำให้มาถอนฟ้องในคดีดังกล่าวเสียดีกว่า