svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

ค้นบ้าน "ทนายตั้ม" เจอกระเป๋าแบรนด์เนมเพียบ เร่งรวมหลักฐานออกหมายจับล็อต 2

ตำรวจกองปราบค้นบ้าน "ทนายตั้ม" 2 ชั่วโมง ยึดของกลางจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นกระเป๋าแบรนด์เนม สำหรับหมายจับล็อต 2 อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน

7 พฤศจิกายน 2567 ความคืบหน้ากรณีตำรวจกองปราบฯ เข้าจับกุม "ทนายตั้ม" นายษิทรา เบี้ยบังเกิด และ นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยา ตามหมายจับ ขณะกำลังขับซูเปอร์คาร์สุดหรูมั่งไปยังชายแดนตะวันออก พร้อมคุมตัวมาสอบปากคำที่กองปราบฯ ก่อนนำตัวฝากขังพรุ่งนี้ (8 พ.ย.)
ค้นบ้าน \"ทนายตั้ม\" เจอกระเป๋าแบรนด์เนมเพียบ เร่งรวมหลักฐานออกหมายจับล็อต 2
 

มีรายงานว่า ขณะเดียวกัน ตำรวจกองปราบ ได้เข้าตรวจค้น บ้านพักหรูย่านตลิ่งชัน ของทนายตั้ม มีรายงานเพิ่มเติมว่า ตำรวจใช้เวลาในการตรวจค้นนานกว่า 2 ชั่วโมง ก่อนจะขับรถออกมา ทั้งนี้ ตำรวจได้ตรวจยึดของกลาง จำนวน 34 รายการ ดังนี้

- กระเป๋าแบรนด์เนม 21 รายการ
- โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง
- พระเครื่อง 3 องค์
- นาฬิกาข้อมือ 2 เรือน
- บัตรเครดิต / บัตรกดเงินสด 3 ใบ
- กุญแจรถยนต์ยี่ห้อปอร์เช่ 1 ดอก
- Token key 1 อัน
บ้านทนายตั้มย่านตลิ่งชัน
 

ส่วนจุดที่ เป็นบ้านพัก ต.คลองมะเดื่อ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร หลังการตรวจค้น ไม่มีสิ่งของตรวจยึด ทั้งนี้คาดว่า จะมีการเข้าตรวจคนที่สำนักงานกฎหมาย Sitra law ของ ทนายตั้ม ที่ย่านสาทร เพื่อเก็บพยานหลักฐานเพิ่มเติมด้วย

ส่วนหมายจับล็อตที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ร่วมขบวนการในการฉ้อโกงเงิน นางจตุพร อุบลเลิศ หรือเจ๊อ้อย นั้น ต้องดูคำให้การของทนายตั้มและภรรยาว่า มีความสอดคล้องกับพยานหลักฐาน ที่พนักงานสอบสวนมีหรือไม่
บ้านทนายตั้ม ที่ จ.สมุทรสาคร

ผกก.สน.บางซื่อ ให้ข้อมูลกองปราบ ปมเมียคนสนิท "ทนายตั้ม" ลงบันทึกประจำวันอ้างถูกสแกมเมอร์ดูดเงินกว่า 2 ล้าน แย้งกับ "ทนายตั้ม" ที่ให้การว่า ถูกดูดเงินไป 39 ล้าน

นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา พ.ต.อ.ภูวดล อุ่นโพธิ ผกก.สน.บางซื่อ ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อเข้าให้ข้อมูลกรณีเมื่อวันที่ 23 พ.ค. 66 ที่ น.ส.สารินี ภรรยาของ นายนุ คนสนิท ทนายตั้ม ได้ไปลงบันทึกประจำวันที่ สน.บางซื่อ ว่า ถูกดูดเงินจากบัญชีที่ใช้โอนบิทคอยน์ เพราะโอนเงินไปให้สแกรมเมอร์ ที่อ้างเป็นดาราจีนตามที่ ทนายตั้ม อ้างว่า เจ๊อ้อย วานให้โอนเงินเป็นสกุลบิทคอยท์ ให้

ทั้งนี้ในรายละเอียดบันทึกประจำวันระบุว่า น.ส.สารินี มีกระเป๋าเงินออนไลน์ชื่อบัญชีหนึ่งใน Gmail และโอนเงินสกุลบิทคอยน์ให้กับบุคคลไม่ทราบชื่อสกุล โดยใช้วิธีสแกนคิวอาร์โค้ดบัญชีหนึ่ง จำนวน 7 ครั้ง 

ครั้งแรก 0.001 บิทคอยน์ = 120,000 บาท 
ครั้งที่สอง 0.1358 บิทคอยน์ = 101,600 บาท
ครั้งที่สาม 0.1358 บิทคอยน์ = 101,600 บาท
ครั้งที่สี่ 0.1358 บิทคอยน์ = 101,600 บาท
ครั้งที่ห้า 0.1358 บิทคอยน์ = 101,600 บาท
ครั้งที่หก 0.9 บิทคอยน์ = 875,000 บาท
ครั้งที่เจ็ด 0.9 บิทคอยน์ = 875,000 บาท 
รวมมูลค่า 2,276,400 บาท 

นอกจากนี้ปรากฎว่า หลังจากนั้นบัญชีที่เชื่อมต่อกับ Gmail ของ น.ส.สารินี รวมถึงแอปพลิเคชัน กระเป๋าเงินออนไลน์ ถูกระงับ ไม่สามารถเข้าได้อีกเลย จึงขอให้ตำรวจสืบสวนตรวจสอบบัญชีปลายทางว่าเป็นของใคร และเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมายหรือไม่ อย่างไร จึงได้มาแจังความต่อพนักงานสอบสวน เพื่อขอให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดให้ถึงที่สุด

อย่างไรก็ตาม การเข้าให้ข้อมูลครั้งนี้ของ พ.ต.อ.ภูวดล เพื่อคลายข้อสงสัยและประเด็นที่ว่า มีการดูดเงินจำนวน 39,000,000 บาท จริงหรือไม่ และเหตุใดถึงได้ลงในบันทึกประจำวันเพียงแค่จำนวน 2,276,400 บาทเท่านั้น