วันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. กล่าวถึงกรณี เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. นำกำลังเข้าสอบปากคำ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ "บอสพอล" ผู้ต้องขังในคดี "ดิไอคอนกรุ๊ป" หลอกลงทุน ภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯวันนี้ ว่า เป็นการสอบปากคำเพิ่มเติมในคดีที่ นายวรัตน์พล เคยมอบหมายให้ทนายความส่วนตัวแจ้งความเอาผิด น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ เจ้าของ "เพจกฤษอนงค์ต้านโกง" กรณีเรียกรับเงิน และ คดีแจ้งเอาผิด นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ในความผิดฐานหมิ่นประมาท , พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯ จากกรณีกุเรื่องพยานเท็จหลังบ้าน "ดิไอคอน"
นอกจากนี้ การเข้าพบนายวรัตน์พล ภายในเรือนจำวันนี้ ทางยังถือโอกาสสอบปากคำ นายวัตน์พล เกี่ยวกับเรื่องที่เคยร้องขอให้ตรวจสอบกรณีถูก นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ "ทนายตั้ม" เรียกเงินแลกกับการไม่พากลุ่มผู้เสียหายในคดีดิไอคอนไปออกรายการดังอีกด้วย ถึงแม้ว่ากรณีนี้จะยังไม่มีการรับเงิน แต่เมื่อมีการแจ้งเรื่องร้องทุกข์ทางเจ้าหน้าที่ก็จำเป็นต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ปรากฎเพื่อความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกเหนือจากการเข้าสอบปากคำ นายวรัตน์พล หรือ "บอสพอล" แล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. ยังได้แบ่งกำลังแยกสอบปากคำ นายจิระวัฒน์ แสงภักดี หรือ "โค้ชแล็ป" ภายในเรือนจำ เพื่อสักถามกรณีที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานมูลนิธิชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม อ้างว่ามีบุคลแอบอ้างเป็นตำรวจกองปราบปราม เรียกรับเงินจำนวน 9 ล้านบาท จาก "โค้ชแล็ป" อีกด้วย
และจากการสอบปากคำ นายจิระวัฒน์ ให้การยืนยันว่า ไม่เคยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ มาข่มขู่เรียกเงิน 9 ล้านบาท ตามที่นายอัจฉริยะ กล่าวอ้างแต่อย่างใด สอดคล้องกับคำให้การของบุคคลใกล้ชิด หรือ ญาติพี่น้องของ นายจิระวัฒน์ ที่ต่างยืนยันว่าไปในทิศทางเดียวกันว่าไม่มีการเรียกรับเงินจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด
นอกจากนี้ นายจิระวัฒน์ รวมถึงคนใกล้ชิด ยังให้การยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนเรียกให้ นายอัจฉริยะ เข้าไปพบในเรือนจำ เป็นการเข้าไปของนายอัจฉริยะเอง แต่ยอมรับว่ามีการพูดคุยกันจริง เนื่องจาก นายอัจฉริยะ พยายามเสนอตัวขอเข้ามาเป็นทีมทนายความช่วยดูแลคดี แต่ก็ถูกนายจิระวัฒน์ หรือ โค้ชแล็ป ปฏิเสธกลับไป