svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

"เจ๊อ้อย" ให้ปากคำวันที่ 4 ยิ้มร่าบอก "ทนายตั้ม" แถลงไม่มีผล เอาผิดถึงที่สุด

"เจ๊อ้อย" ให้ปากคำวันที่ 4 ยิ้มร่าบอก "ทนายตั้ม" แถลงก็ไม่มีผล ขอเอาผิดให้ถึงที่สุด ขณะที่ทนายชี้ความสัมพันธ์ลูกความกับทนายดัง รักหรือไม่รักเป็นคนละเรื่องกับสัญญาทางธุรกิจ

5 พฤศจิกายน 2567 เมื่อเวลา  20.50 น. ที่หน้าอาคารประชาอารักษ์ กองบังคับการปราบปราม ภายหลังจาก "เจ๊อ้อย" นางจตุพร พร้อมด้วย นายสมชาติ พินิจอักษร ทนายความส่วนตัว เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมในคดีที่แจ้งความเอาผิด "ทนายตั้ม" นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หลอกลวงเงิน เป็นวันที่ 4

หลังการสอบปากคำเจ๊อ้อยนานกว่า 10 ชั่วโมง เจ้าตัวได้เดินลงมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเพียงสั้นๆ ว่า ไม่รู้สึกกังวลที่ทนายตั้มมาเปิดตัวแถลงข่าวในวันนี้ และไม่มีผลใดๆ กับตนเองทั้งสิ้น และยังไม่ได้ฟังการสัมภาษณ์อย่างละเอียด เพราะอยู่ระหว่างการสอบปากคำตลอดทั้งวัน ส่วนประเด็นอื่นๆ ไม่ขอพูดถึงและขอให้ทนายความเป็นผู้ให้ข้อมูล ก่อนจะยกมือไหว้ขอโทษและเดินถอยออกจากวงสัมภาษณ์ขึ้นรถตู้ไป 

เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามในระหว่างที่เจ๊อ้อยอยู่บนรถตู้ว่า ยังสู้หรือไม่ เจ้าตัวก็มีรอยยิ้ม และยกมือ 2 นิ้วตามที่ผู้สื่อข่าวถามว่า หากยังสู้ให้ยกนิ้วขึ้น เจ้าตัวก็เพียงแต่ยกมือไหว้พร้อมรอยยิ้มเท่านั้น
"เจ๊อ้อย" นางจตุพร

ส่วนกรณีที่ ทนายตั้ม กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวว่า เงินจำนวน 39 ล้านบาท ให้กับแก๊งสแกมเมอร์ เรื่องนี้ทนายความยอมรับว่า มีกรณีของสแกมเมอร์จริงๆ และมีการโอนเงินยอดดังกล่าวให้กับบัญชีของผู้หญิง ชื่อขึ้นต้นด้วย ส.เสือ ซึ่งกรณีดังกล่าวมีความเกี่ยวโยงกันคือมีผู้เสียหายคนเดียวกัน ส่วนจะเชื่อมโยงกับคดีอีกคดีหนึ่งยังไงยังไม่สามารถเปิดเผยได้ 

ส่วนกรณีเรื่องสัญญาว่าจ้าง ที่ทนายตั้มอ้างว่าเป็นสัญญาจ้าง และเกิดขึ้นจากความเอ็นดูหรือเป็นลูกรัก เรื่องดังกล่าวต้องมองแยกกัน เพราะในสัญญาระบุว่า จ้างเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมาย ไม่ได้ว่าจ้างให้ทำหน้าที่ในการบริหารหรืออย่างอื่น และเรื่องผู้ใหญ่เอ็นดูเด็กก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ไม่สามารถนำมารวมกันในสัญญาว่าจ้างได้ ทั้งนี้ให้ดูที่สัญญาว่าจ้างว่า ได้ระบุไว้อย่างไร ทนายความยืนยันว่า เรื่องนี้เป็นการกลัดกระดุมผิดตั้งแต่เม็ดแรก 
"ทนายตั้ม" นายษิทรา เบี้ยบังเกิด
 

ทั้งนี้การดำเนินคดีในเรื่องดังกล่าวมีการดำเนินคดีใน 2 ส่วนคือความผิดที่เกิดขึ้นกับตัวของเจ๊อ้อย ซึ่งในส่วนนี้ได้มีการให้ปากคำไปทั้งหมดแล้ว แต่ความผิดในเรื่องดังกล่าว ยังมีความผิดต่อรัฐที่เจ้าหน้าที่รัฐสามารถแจ้งความเอาผิดได้ ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า ความผิดต่อรัฐเป็นข้อหาเกี่ยวกับอะไร ทนายความยกตัวอย่างว่า อาทิเช่นเรื่องภาษี 

นอกจากนี้ยังยืนยันว่า เจ๊อ้อยจะดำเนินคดีกับทนายตั้มให้ถึงที่สุด ส่วนการให้ปากคำวันนี้ โดยส่วนตัวเชื่อว่าครบถ้วนแล้ว แต่ยังไม่ทราบว่าจะต้องเข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติมอีกหรือไม่

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวสังเกตเห็นสีหน้าของเจ๊อ้อย ค่อนข้างยิ้มแย้มกว่าหลายครั้งที่ผ่านมา ทนายความเปิดเผยว่า น่าจะเกิดจากความสบายใจที่ให้ข้อมูลต่างๆ ไปครบถ้วนทั้งหมดแล้ว และสิ่งที่ทนายตั้มให้สัมภาษณ์ในวันนี้ ไม่ได้มีผลอะไรกับตัวของลูกความ
นายสมชาติ พินิจอักษร ทนายความส่วนตัว เจ๊อ้อย