svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

"เจ๊อ้อย" หัวใจสลาย ลั่นเอาผิดทนายดังถึงที่สุด แฉมีอีกหลายคนที่รับเงิน

"เจ๊อ้อย" ให้ปากคำกองปราบวันที่ 2 ใช้เวลาครึ่งวัน บอกสื่อใจสลายกับทนายดัง ลั่นเอาผิดถึงที่สุด แฉมีอีกหลายคนที่รับเงิน

1 พฤศจิกายน 2567 เมื่อ 20.50 น. ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เจ๊อ้อย หรือ น.ส.จตุพร พร้อมด้วย นายสมชาติ พินิจอักษร ทนายความส่วนตัว ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ภายหลังให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวนเกือบ 12 ชั่วโมง เป็นวันที่ 2 โดยครั้งนี้ เจ๊อ้อย ยินดีที่จะให้สัมภาษณ์ โดยระบุว่า สวัสดีสื่อทุกแขนง รายละเอียดต่างๆให้กับตำรวจไปหมดแล้ว และยังไม่อยากให้สัมภาษณ์อะไรมาก เพราะจะเสียรูปคดี และยืนยันได้ว่า ไม่ได้ให้เงินโดยเสน่หา ซึ่งหลังให้ปากคำก็สบายใจมาก ไม่มีความกังวลอะไร 

ทั้งนี้ ยังบอกอีกว่า ที่ผ่านมาคู่กรณีไม่ได้ติดต่อมาหา หลังจากที่อ้างว่าเอาเงินไปลงทุน เขาก็ไม่ได้ติดต่อเรา ทำให้ตนเองเลยรู้สึกว่านานมากแล้ว ติดต่อเขาไม่ได้หลายเดือน จึงเป็นที่มาของการตัดสินใจดำเนินคดี
เจ๊อ้อย หรือ น.ส.จตุพร
 

เมื่อถามความรู้สึกที่มีต่อคู่กรณี เจ๊อ้อย ยอมรับว่า “รู้สึกใจสลาย ขอพูดแค่นี้ เพราะเมื่อก่อนเคยช่วยเหลือในการเดินทางท่องเที่ยวเหมือนดั่งคนในครอบครัวพี่” ส่วนจุดแตกหัก เป็นเรื่องของการระแคะระคาย แต่รายละเอียดให้ตำรวจไปหมดแล้ว ทั้งนี้ ยืนยันไม่เจรจา และตนเองขอให้ศาลเป็นคนตัดสิน 

ส่วนที่สอบปากคำ 2 วันนั้น ก็เพราะต้องการให้รายละเอียดมากที่สุด เป็นเรื่องละเอียดอ่อน โดบเจ๊อ้อย ยืนยันทิ้งท้ายว่า จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดไม่มียอมความ 
\"เจ๊อ้อย\" หัวใจสลาย ลั่นเอาผิดทนายดังถึงที่สุด แฉมีอีกหลายคนที่รับเงิน
 

ด้าน ทนายสมชาติ กล่าวว่า การสอบปากคำไม่แตกต่างจากเมื่อวาน แต่มีข้อมูลและข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ให้พนักงานสอบสวนมากขึ้น แต่ก็อยู่ในเนื้อหาเดิม เป็นการเก็บตกประเด็นต่างๆ และให้รายละเอียดมากขึ้นกว่าเมื่อวาน จึงนำมามอบให้กับตำรวจ ตอนนี้สอบปากคำไปได้ประมาณ 60-70 เปอร์เซ็นต์แล้ว แต่ตนยังมีข้อมูลอีกหลายอย่าง แต่เกรงใจพนักงานสอบสวน จึงขอหยุดเอาไว้ตรงนี้ก่อน แล้วจะมาให้ข้อมูลอีกรอบ ส่วนรายละเอียดการสอบปากคำ ไม่สามารถให้ข้อมูลได้เนื่องจากอยู่ในสำนวน 

เมื่อถามถึงเงิน 39 ล้าน ว่ามีการให้ไปใช้หนี้หรือไม่นั้น ทนายความขอไม่ตอบประเด็นนี้ เนื่องจากมันอยู่ในสำนวน สำหรับประเด็นที่สอบในวันนี้ เป็นเรื่องเงินที่ให้เพิ่มเติมไปจากจำนวน 71 ล้าน  ส่วนเรื่องที่ ทนายตั้มจะไม่คืนเงิน 71 ล้านแน่นอน และคู่กรณีเป็นถึงทนายความ สามารถต่อสู้ในกระบวนการชั้นศาลได้ ตนก็มองว่า เป็นเรื่องที่อีกฝ่ายจะต่อสู้ แต่เรายังยืนยันข้อเท็จของเรา 

“คุณอ้อยได้ กำชับให้ทนายความ ส่งข้อมูลให้กับตำรวจทุกเรื่อง และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จนมีคำพิพากษา นอกจากทนายคนดังแล้ว ก็มีบุคคลอื่นรับเงินไปเช่นเดียวกัน จะมีการดำเนินคดีหรือไม่นั้น ก็มีรายชื่อที่ได้ปรากฎตามหน้าสื่อไปบ้างแล้วแต่ขอไม่พูดพาดพิง กรณีนี้มีการพาดพิงถึงใคร ก็จะดำเนินคดีหมด ส่วนเอกสาร ลงนามลักษณะของการทำสัญญา และมีรายชื่อบุคคลอื่นอยู่ด้วยจะดำเนินคดีหรือไม่นั้น ก็ไม่เสมอไป เนื่องจาก ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง อาจจะเป็นชื่อของพยานก็ได้ เราจะดูว่าเหตุและปัจจัยมันเกิดจากใคร “ 

ส่วนกรณีรถเบนซ์หรูคันสีดำ เป็นของคุณอ้อยและคุณอ้อยเป็นคนใช้งาน เพียงแต่มีการหยิบยืมในบางครั้งเท่านั้น  และที่มีคนเห็นว่า อีกฝ่ายนำรถคันดังกล่าว ไปให้ชาวต่างชาติใช้นั้น ตนก็ได้ยินมาเช่นเดียวกัน และมีคนเห็นว่า คู่กรณีหากครอบครัวไปทำวีซ่า ตนไม่ทราบรายละเอียด แต่ไม่กังวัล เนื่องจากอยู่ที่ไหนก็ไม่กังวล เพราะเรามั่นใจในการทำงานของตำรวจ เชื่อว่าตำรวจจะให้ความยุติธรรมทั้งสองฝ่าย หลังจากนี้ ยังไม่ทราบว่าจะต้องเข้ามาให้ข้อมูลกับตำรวจอีกวันไหน แต่จะต้องมาแน่นอน เนื่องจากว่าวันนี้ ยังสอบปากคำไม่ครบถ้วน