วันที่ 15 ตุลาคม 2567 ที่ศาลจังหวัดนราธิวาส ศาลนัดสอบคำให้การในคดีหมายเลขดำที่ อ578/2567 ที่นางสาวฟาตีฮะห์ ปะจูกูเล็ง ที่ 1 กับพวกรวม 48 คน เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พลเอกพิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตเเม่ทัพภาค 4 กับพวก รวม 9 คน เป็นจำเลยข้อหา หรือฐานความผิด ฆ่าผู้อื่นโดยทรมาน หรือโดยทารุณโหดร้าย, พยายามฆ่า, หน่วงเหนี่ยวหรือกักชัง, ข่มขืนใจ โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย,เสรีภาพ จากเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่ สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส หรือ "คดีตากใบ" ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2547 ที่เกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุมจนทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 78 คน
โดยเดิมในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ศาลไต่สวนมูลฟ้องเเล้วเห็นว่ามีมูลมีคำสั่งประทับฟ้อง ในส่วนจำเลยที่ 1,3-6 และ 8,9 มีมูลความผิดในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น ร่วมกันทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงเเก่ความตาย หน่วงเหนี่ยวกักขังเป็นเหตุให้ถึงเเก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 83 มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80,83 มาตรา 310 วรรคสอง ประกอบมาตรา 290, 83 ให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา
เเละให้ยกฟ้องในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือกระทำทารุณโหดร้าย ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือกระทำทารุณโหดร้าย ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขื่นใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้าย จนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยมีอาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย เป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นรับอันตรายสาหัสโดยกระทำทารุณโหดร้าย และยกฟ้องจำเลยที่ 2 เเละ 7
โดยวันนี้ศาลออกนั่งพิจารณา เวลา 11.00 น.เนื่องจากรอจำเลยที่ 1,3-6,8,9 มาศาล เเต่ปรากฎว่าไม่มีผู้ใดมานัดพร้อมเพื่อสอบคำให้การ ตรวจพยานหลักฐาน กำหนดวันนัดสืบพยาน และติดตามผลการจับกุมจำเลยที่ 3-6 และที่ 8,9 และฟังผลการขออนุญาตจับกุมจำเลยที่ 1 ต่อสภาผู้แทนราษฎรวันนี้
โจทก์ที่ 1,3-12,14-18,20,22-25,27,29,31,32,35-37,41,42,44-47 พร้อมทนายโจทก์ทั้งสี่สิบแปด ทนายโจทก์ที่ 1-3,6,8,38,26,35,47 และพนักงานอัยการในฐานะทนายจำเลยที่ 8,9 มาศาล ส่วนจำเลยที่ 2 และที่ 7 ศาลมีคำสั่งยกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วไม่มา
ศาลรอจนกระทั่งเวลา11.00 จำเลยที่ 1,3-6,8,9 และทนายจำเลย 1,8,9,2,4,5,3,6,7 ไม่มา
ศาลสอบพนักงานอัยการในฐานะทนายจำเลยที่ 8 และที่ 9 แถลงว่า ยังไม่ได้รับการติดต่อจากจำเลยที่8,9
ศาลแจ้งให้คู่ความที่มาศาลทราบแล้วว่า จากนัดที่แล้ว จำเลย 3-6,8,9 ยังไม่มาปรากฏตัวต่อศาล และศาลไม่ได้รับแจ้งจากเจ้าพนักงานตำรวจศาล พนักงานฝ่ายปกครอง และเจ้าพนักงานตำรวจว่าได้จับกุมจำเลยได้
ส่วนจำเลยที่ 1 ที่ศาลมีหนังสือด่วนที่สุดถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้สภาผู้แทนราษฎรอนุญาตให้จับจำเลยที่ 1ในนัดที่แล้วนั้น สภาผู้แทนราษฎรมีหนังสือ ลงวันที่ 24 ก.ย.2567 ตอบกลับมา ศาลได้รับสำเนาเมื่อวันที่ 1 ต.ค.2567 โดยสภาผู้แทนราษฎรยอมรับว่า ตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันในชั้นพิจารณาของศาล ระหว่างสมัยประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภาไม่มีรับความคุ้มกันใด ๆ รวมทั้งจากการจับและการคุมขังในคดีอาญาศาล จึงออกหมายจับจำเลยที่ 1 ไว้แล้ว และยังไม่ได้รับแจ้งจากเจ้าพนักงานตำรวจศาล พนักงานฝ่ายปกครอง และเจ้าพนักงานตำรวจว่า สามารถจับกุมจำเลยที่ 1 ได้ ศาลอ่านรายงานกระบวนพิจารณาดังกล่าวให้คู่ความที่มาศาลฟังแล้ว
เมื่อในวันนี้ไม่มีตัวจำเลยมาศาล จึงไม่อาจดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้ ต้องเลื่อนคดีออกไป เพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมจำเลยมาเสียก่อน ศาลแจ้งให้คู่ความที่มาศาลทราบว่า หากตัวความ ญาติผู้ตาย หรือญาติผู้เสียหาย ประสงค์จะแถลงการณ์ด้วยวาจาในเรื่องใด ๆ เกี่ยวกับคดีนี้ก็สามารถกระทำได้ และศาลจะบันทึกไว้ให้ ส่วนทนายความของทั้งสองฝ่าย และตัวความ ญาติผู้ตาย หรือญาติผู้เสียหายและตัวแทนที่ประสงค์จะยื่นคำแถลงการณ์เป็นลายลักอักษร ก็ให้ยื่นได้ภายในนัดหน้า
นายมูฮำมะซาวาวี อุเซ็ง ญาติโจทก์ที่ 3 แถลงการณ์ด้วยวาจา 1 ราย นายรอมฎอน ปันจอร์ ส.ส.พรรคประชาชนแถลงว่า ได้ติดตามคดีนี้มาตั้งแต่ต้น มีความหวังมาตลอดว่าจะได้ตัวจำเลยในคดีมาศาล และเห็นด้วยว่าคดีนี้เกี่ยวข้องกับความมั่นคง เหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่และกระบวนการสันติภาพ หากคดีขาดอายุความ จะมีผลกระทบต่อสถาบันของรัฐที่เกี่ยวข้อง ต่อสถานการณ์ในพื้นที่ และตัวประชากรโดยตรง ไม่คาดคิดว่า คดีนี้จะสามารถดำเนินมาได้ถึงขั้นนี้ และเชื่อว่าจะต้องมีการดำเนินต่อไปโดยกลไกอื่น และขอขอบคุณความกล้าหาญของชาวบ้านที่ดำเนินคดีนี้
ทนายโจทก์ที่ 8 และที่37 แถลงขอให้ศาลออกหมายเรียกพยานเอกสารตามบัญชีพยานเพิ่มเติมครั้งที่ 2 ลงวันที่ 19 มิ.ย.2567 ลำดับที่ 2 เนื่องจากในขั้นตอนไต่สวนมูลฟ้อง ศาลเคยมีหมายเรียกไปแล้ว สำนักงานอัยการสูงสุดผู้ครอบครองเอกสารปฏิเสธไม่ส่งเอกสารดังกล่าวมาให้ และเห็นว่าเอกสารนี้จำเป็นที่ต้องใช้ในการตรวจพยานหลักฐาน
พิเคราะห์แล้ว เอกสารดังกล่าว ศาลเคยมีหมายเรียกในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง บัดนี้การไต่สวนมูลฟ้องเสร็จสิ้นแล้ว และในนัดหน้าศาลยังไม่ได้กำหนดไว้เป็นวันนัดตรวจพยานหลักฐาน ยังไม่มีความจำเป็นที่ต้องหมายเรียกเอกสารดังกล่าว
ทนายโจทก์ที่ 35 แถลงขอให้ศาลหมายเรียกพยานเอกสารตามบัญชีพยานลงวันที่ 7 มิ.ย.2567 ลำดับที่ 11 เนื่องจากในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง หน่วยงานที่ครอบครองเอกสารส่งเอกสารมาให้ ไม่ครบ และทนายฝ่ายโจทก์ได้อ้างไว้เป็นพยานในชั้นพิจารณาด้วย
พิเคราะห์แล้ว คดีล่วงพ้นการไต่สวนมูลฟ้องมาแล้ว และยังไม่ได้มีการนัดสืบพยาน กรณียังไม่มีความจำเป็นต้องหมายเรียกพยานเอกสารดังกล่าว
ทนายโจทก์ที่ 26 แถลงขอให้ศาลมีคำสั่งให้หน่วยงานที่รับหมายจับไปปฏิบัติ รายงานผลการปฏิบัติตามหมายจับ
เห็นสมควรให้งานสารบรรณมีหนังสือไปสอบถามความคืบหน้าของการปฏิบัติตามหมายจับ ไปที่หน่วยงานที่ศาลมีคำสั่งให้ปฏิบัติตามหมายจับ
ให้เลื่อนไปนัดพร้อมเพื่อประชุมคดี หรือนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาวันที่ 28 ต.ค.2567 เวลา 09.00 น. ปิดประกาศที่หน้าศาล แจ้งวันนัดให้จำเลยที่ 1,3-6,8,9 ทราบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่ศาลเลื่อนไปนัดสอบคำให้การในวันที่ 28 ต.ค.2567นั้น จะไม่กระทบกับเรื่องอายุความที่จะหมดลงในวันที่ 25 ต.ค.2567 เนื่องจากหากจับกุมตัวมาส่งศาลได้ก่อนวันที่ 25 ต.ค.เท่ากับว่าคดีจะไม่ขาดอายุความเเละสามารถนัดสอบคำให้การในวันที่ 28 ต.ค.ตามกระบวนการได้