13 ตุลาคม 2567 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เผยกล่าวถึงความคืบหน้าถึงคดี "ดิไอคอนกรุ๊ป" ว่า ได้รับรายงานจาก พล.ต.ท.อัครเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ว่า หลังจากเปิดศูนย์รับแจ้งความ รวมถึงการบริการให้ความสะดวกในการแจ้งความทั่วประเทศ ได้มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความตลอด 3 วัน ที่ผ่านมา พนักงานสืบสวนสอบสวนได้เร่งรวบรวมพยานหลักฐานคืบหน้าไปพอสมควร
ในส่วนความคืบหน้าคดี นั้นได้สั่งการให้ พล.ต.ท.อัครเดช มอบหมายให้ "พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก." เท่านั้นเป็นผู้แถลง ให้สื่อมวลชลทราบเพื่อจะได้นำเสนอข่าวให้พี่น้องประชาชนทราบ
คดีดังกล่าวตนได้กำชับนโยบายไปกับคณะพนักงานสอบสวน โดยได้ปลูกฝังความคิดกับตำรวจทุกนายที่มีหน้าที่ในคดีนี้ ว่า เราต้องทำให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่พร้อมจะยืนเคียงข้างประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อนทุกกรณี
แม้ฝ่ายที่ถูกกล่าวหาจะแก้ต่างอย่างไร ก็ถือเป็นสิทธิ์ตามกฎหมาย และการนำทนายความมาเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงอย่างไร ก็เป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ตามกฏหมาย แต่ประชาชนที่ต้องสูญเสียเงินไปเขาไม่มีทนาย แต่เขาต้องมาแจ้งความมีความทุกร้องทุกข์ด้วยตนเอง ซึ่งบรรดาประชาชนเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องหาเงินเลี้ยงดำรงชีพตัวเองโดยไม่คาดคิดว่าเงินดังกล่าวจะต้องสูญเสียไป
ตำรวจต้องยืนยันให้ได้ว่า ในความเป็นตำรวจเราจะเป็นที่พึ่งที่ต้องดำรงความยุติธรรมในกระบวนการยุติธรรม และตำรวจต้องสวมบทบาทเป็นทนาย ให้แก่ประชาชนที่เป็นผู้เสียหาย ที่จะว่าความให้เกิดความเป็นธรรมแก่ประชาชนด้วยในส่วน ผู้ถูกกล่าวหาเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาที่จะมีทนายความในการรับทราบข้อกล่าวหาหรือในการสอบสวน รวมทั้งในการพิจารณาคดีของศาล ตามขั้นตอนในกระบวนการยุติธรรม ส่วนสิทธิ์ของผู้เสียหายก็จะต้องมีตำรวจคอยเคียงข้าง เพื่อช่วยเหลือเพื่ออำนวยความยุติธรรม ในฐานะเป็นข้าราชการตำรวจที่ต้องเป็นที่พึ่งให้แก่ประชาชนและเป็นเสมือนทนายความให้ประชาชน จนกว่า ผู้กระทำความผิดจะได้รับโทษตามกฏหมายหรือจนกว่าผู้เสียหายจะได้รับการชดใช้เยียวยาตามสมควร