วันที่ 11 ตุลาคม 2567 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบการประกอบธุรกิจของ บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด (The iCon Group Co., Ltd.) ว่า ตั้งแต่เมื่อวาน ( 10 ตุลาคม 2567 ) ต่อเนื่องถึงวันนี้ ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง มีประชาชนที่ระบุว่าเป็นผู้เสียหาย เดินทางมาร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วประมาณ 120 ราย ความเสียหายรายละ 200,000 - 500,000 บาทรวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 50 ล้านบาท
ขณะนี้ คณะทำงานได้รับพยานเอกสารของประชาชน ในส่วนของหลักฐานการติดต่อ,การชักชวนไปร่วมลงทุนธุรกิจ และตัวอย่างสินค้า รวบรวมไว้ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเรียบร้อยแล้ว
ส่วนจะเป็นการประกอบธุรกิจขายตรง คล้ายกันกับบริษัทใหญ่ที่เป็นที่รู้จักหรือไม่ ส่วนนี้เจ้าหน้าที่จะต้องตรวจสอบการจดทะเบียนขออนุญาตการประกอบกิจการ เพราะธุรกิจขายตรง ต้องมีการจดทะเบียนขออนุญาต รวมถึงต้องสอบถามตัวแทนขายว่า ลักษณะการไปอบรม การนำทรัพย์สินไปใช้ในธุรกิจดังกล่าวมีลักษณะใด เป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายธุรกิจขายตรงหรือไม่
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าลักษณะธุรกิจขายตรง กับ แชร์ลูกโซ่ มีเส้นบาง ๆ กั้นอยู่ ทางคณะตำรวจที่ทำงานจะต้องพยายามรวบรวมข้อเท็จจริง สรุปวินิจฉัยอย่างรอบคอบ ซึ่งภายในวันนี้จะพยายามระบุข้อความผิดให้ได้ว่า ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องถูกกล่าวหาในฐานความผิดเรื่องใดบ้าง
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวต่อว่า ในชั้นแรกจะมุ่งไปที่ตัวผู้ประกอบการ(ผู้บริหารบริษัท) ก่อนว่า กระทำผิดประเภทไหน จากนั้นจึงเป็นการพิจารณาบุคคลที่เกี่ยวข้องว่าเข้าข่ายลักษณะความผิดของตัวการด้วย หรือเป็นเพียงผู้เข้าร่วม
สำหรับการเคลื่อนไหวผ่านทางโซเชียล หรือการแถลงข่าวที่ผ่านมาที่มีการระบุว่า ไม่ได้เป็นกรรมการ หรือผู้บริหาร บริษัทฯ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะให้การและกล่าวอ้างได้ทั้งหมด แต่ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ต้องยึดถึงคำให้การของผู้เสียหายด้วยว่า ที่ผ่านมาบุคคลเหล่านั้นมีพฤติการณ์อย่างไรบ้างในบริษัท กระบวนการของตำรวจคือการสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน ถ้าพบว่ากระทำความผิด ก็จะมีการแจ้งข้อกล่าวหา แต่ทั้งนี้ตราบใดที่เรื่องไปถึงศาล และศาลยังไม่พิพากษาว่าเป็นผู้ต้องหา พวกเขาก็ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ในขณะนี้เราทำงานอย่างเต็มที่ เพราะเรารู้ว่าพี่น้องประชาชนกำลังเดือดร้อนจากเหตุการณ์นี้
อย่างไรก็ตาม คดีในอดีตคือบทเรียน บางครั้งตำรวจก็ถูกฟ้องกลับ ตนจึงกำชับว่าให้ทำอย่างรอบคอบ และเป็นไปตามกฎหมายอย่างแท้จริง พนักงานสอบสวนจึงจำเป็นต้องใช้ความละเอียด และรอบคอบในเหตุที่เกิดขึ้น รวมถึงข้อเท็จจริงที่ปรากฏรายละเอียดของเหตุการณ์ที่ผู้เสียหายแต่ละท่านได้ถูกกระทำ
ส่วนของ ปปง. สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ส่งหนังสือระบุถึงพฤติการณ์ผู้บริหารบริษัทดังกล่าวประกอบกับคำให้การผู้เสียหาย ตนเองได้พูดคุยกับเลขาธิการ ปปง.โดยตรงว่า เรื่องนี้ตำรวจมีหน้าที่สอบสวน แต่ไม่มีอำนาจยึดทรัพย์ใคร เพียงแต่ตำรวจมองว่าพี่น้องประชาชนกำลังเดือดร้อน ดังนั้นผู้ที่ถูกกล่าวหาอาจจะกระทำความผิด
ข้อห่วงใยจากตำรวจ คือ ขอให้เร่งรัดในการพิจารณายุติการดำเนินธุรกรรมทางการเงินของผู้บริหาร และวันนี้จะมีการประชุมระหว่าง ปปง. สคบ. และตร. เพื่อติดตามความคืบหน้า ยืนยันว่าหนังสือที่ส่งถึง ปปง. มีความครบถ้วน รอบคอบ แล้วเป็นความคิดที่ตำรวจเข้าใจพี่น้องประชาชนว่าเดือดร้อน จากกรณีที่คิดว่าถูกหลอกลวงทรัพย์สินเงินทอง
เมื่อถามว่า กรณีดาราที่มีส่วนที่จะทำให้ประชาชนตัดสินใจมาร่วมลงทุน และระบุว่าตนไม่ใช่ฝ่ายบริหาร จะมีการพิจารณาดำเนินคดีความผิดใดหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ถ้าข้อเท็จจริงที่ได้พาดพิงถึงท่านใด ยืนยันว่าจะเรียกมาสอบสวนทั้งหมด หากพบว่าพฤติการณ์ดังกล่าว มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด จะต้องถูกแจ้งข้อกล่าวหาด้วย แม้บุคคลนั้นจะไม่มีตำแหน่งในบริษัท แต่มีพฤติการณ์ความผิด
นอกจากนี้ มีการเตรียมการป้องกันหา รวมถึงการดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในการหลบหนีออกนอกประเทศอีกด้วย