11 ตุลาคม 2567 ที่บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป ถ.รามอินทรา นายวิธิเนศวร์ เนียมมีศรี นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการพิเศษ (สคบ.) พร้อมคณะทำงานสคบ. , ตำรวจไซเบอร์ และตำรวจสอบสวนกลาง ลงพื้นที่ตรวจสอบบริษัทดิไอคอน กรุ๊ป ตั้งแต่เวลา 10.30 น. เป็นเวลานานกว่า 2 ชม. โดยเข้าตรวจผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของบริษัท และจะค้นเอกสารเส้นทางการเงิน รวมไปถึงเอกสารการจดทะเบียนการค้า หลังมีผู้ร้องเรียนว่า มีการชักชวนลงทุนเป็นจำนวนมาก
ต่อมาในเวลา 12.20 น. ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบบริษัท ได้มี นายวิสิทฐ์ พันธุ์รักษ์ หรือ เบิร์ด ดิไอคอน อายุ 68 ปี ตัวแทนผู้ขายสินค้า เดินทางมารับสินค้ากับบริษัทเพิ่มเติมเพื่อนำไปขาย
นายวิสิทฐ์ เปิดเผยว่า ตนเดินทางมารับสินค้าตัวกาแฟและเม็ดฟู่ ที่เป็นผลิตภัณฑ์ขายดี ในเครือของบริษัทดิไอคอน กรุ๊ป ซึ่งตอนเริ่มแรกตน ได้เริ่มตามสเต็ปเหมือนกับคนอื่น ที่มีการจ่ายเป็นขั้นบันได 2,500 บาท ตนได้รับผลตอบแทนที่ดี จึงได้ขยับไปในระดับที่มากขึ้นเป็นระดับซุปเปอร์ไวเซอร์ หรือระดับกลาง ที่จะต้องมีการจ่ายเพิ่มในราคา 25,000 บาท โดยตนได้เป็นตัวแทนขายสินค้ามาเป็นเวลากว่า 1 ปี ได้รับกำไรที่ดีจริง
“ไม่อยากบอกกำไรเป็นตัวเลข เดี๋ยวจะหาว่าโม้ เพราะสินค้าดีจริง ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ”
นายวิสิทฐ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ตนทำแค่อาชีพเดียวคือขับแท็กซี่ กระทั่งตนเริ่มสนใจในเรื่องธุรกิจออนไลน์และมีการศึกษาทั้งหมด 3 บริษัท จนมาพบกับบริษัทดิไอคอน ที่มีบอสพอลเป็นเจ้าของ ที่มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ไม่โกงกินชาติ และบริษัทดังกล่าวมีสินค้าดี มีคุณภาพ โดยระหว่างที่นายวิสิทฐ์ ได้ตอบคำถามดังกล่าวก็มีอาการสะอึกและน้ำตาคลอเบ้า พร้อมกับใช้มือขึ้นปาดน้ำตา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดถึงมีอาการดังกล่าว นายวิสิทฐ์ กล่าวว่า ตนรู้สึกว่าบอสพอลทุ่มเท และอยากให้ทุกคนมีรายได้ ตนรู้สึกศรัทธาในตัวบอสพอล แต่ในส่วนที่เคยพบดาราที่เป็นผู้บริหารหรือไม่ ตนก็เคยพบแต่ไม่เคยได้ยินว่าดาราใช้คำว่าบอสนำหน้า โดยส่วนใหญ่จะเข้ามาให้ข้อมูลสินค้า
ส่วนกระแสข่าวด้านลบที่มีอยู่ขณะนี้ ตนขอไม่สนใจ ให้เรื่องนี้บอสพอล เป็นผู้ตัดสินใจและแก้ไขปัญหานี้เอง แต่ตนเชื่อว่าบอสพอลจะแก้ไขปัญหานี้ได้ ยืนยันว่าตนมีความเชื่อมั่นต่อบอสพอล และสำหรับกระแสที่ว่ามีหน้าม้า ตนยืนยันไม่ใช่หน้าม้าแน่นอน และพร้อมให้รหัสตัวแทน