8 ตุลาคม 2567 พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 (บก.สอท.1) เปิดเผยความคืบหน้าการจับกุมเชฟอ้อยว่า การเข้าจับกุมเชฟอ้อย เป็นความร่วมมือสามฝ่ายคือ สืบนครบาล,ตำรวจไซเบอร์ และ สน.บางบอน ที่เป็นเจ้าของสำนวนคดี
หลังจากที่เชฟอ้อยมีหมายจับศาลแขวงบางบอน ตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน 2567 แต่ไม่ได้ไปรายงานตัวตามหมายเรียกของพนักสอบสวน สน.บางบอน และได้หลบหนีหมายจับมาตลอด จนกระทั่งตำรวจสามารถติดตามจับกุมได้ที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านศรีนครินทร์
ทั้งนี้ในระหว่างการไปจับกุมตัวเชฟอ้อยที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านศรีนครินทร์ วันนั้นมีงานเทศกาลอาหารเจพอดี เมื่อตำรวจเข้าไปแสดงหมายจับ เชฟอ้อยมีอาการตกใจอย่างมาก ที่ตนเองถูกออกหมายจับ เพราะไม่คิดว่าคดีดังกล่าวซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาไกล่เกลี่ยนัดส่งเงินคืนให้ผู้เสียหาย และตกลงทำความเข้าใจกับทุกคนแล้ว แต่ยังไม่สามารถชำระเงินให้ได้ตามนัดเนื่องจากหมุนเงินไม่ทัน
พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ เผยว่า ในระหว่างการสอบปากคำเมื่อวานนี้ เชฟอ้อยมีอาการเครียดเป็นอย่างมากจนร้องไห้ปล่อยโฮออกมา พร้อมกับให้ปากคำว่าหลังทำธุรกิจแฟรนไชส์ลูกชิ้น และเกิดปัญหาขึ้น ประกอบกับการไปออกรายการชื่อดังจนทำให้ขาดสภาพคล่องหมุนเงินไม่ทัน จึงพยายามหาเงินทุกวิถีทาง เพื่อหาเงินมาคืนให้กับผู้เสียหายในคดีนี้ให้ได้ ส่วนทรัพย์สินของผู้เสียหายบางส่วน ได้นำไปขายกับบุคคลในวงการบันเทิง และโทรทัศน์รายหนึ่ง แต่ยังไม่ได้รับเงินจำนวนดังกล่าว จึงไม่สามารถนำเงินมาคืนให้กับผู้เสียหายได้
นอกจากนี้ เจ้าตัวยังอ้างว่า ไม่รู้ว่าตนถูกตำรวจออกหมายเรียกจนครบ 2 ครั้งแล้ว และไม่ทราบว่าตนมีหมายจับด้วย แต่ไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนี ที่ผ่านมาได้ตระเวนทำงานจำหน่ายสินค้าตามงานต่างๆ อยู่ตลอดเวลาจึงทำให้ไม่ทราบข้อมูล ล่าสุดได้ดำเนินการส่งตัวไปฝากขังที่ศาลแขวงบางบอนแล้ว ส่วนจะได้รับการประกันตัวหรือไม่ อยู่ที่ดุลยพินิจอำนาจของศาล