ความคืบหน้ากรณีตำรวจปิดล้อมไล่ล่า "นายสันติ เจ๊ะอะหลี" อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาที่หลบหนีตามหมายจับศาลอาญา ในข้อหาลักทรัพย์ของ สน.เตาปูน ก่อนหลบหนีการจับกุมของตำรวจ พร้อมเปิดฉากยิงสู้กับตำรวจ ก่อนปีนเข้าบ้านของประชาชนในซอยอินทามาระ 29 แยก 1 และจับตัวประกันไว้ สุดท้ายเจ้าตัวหลบหนีไป โดยตำรวจใช้เวลาปิดล้อมครั้งนี้นานกว่า 6 ชั่วโมง แต่ยังไม่สามารถจับกุมตัวได้ เมื่อคืนที่ผ่าานมา (3 ต.ค.67)
ช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน น.ส.พจนีย์ ภรรยานายสันติ ได้ใช้ปืนจี้ศีรษะตัวเอง ขู่ฆ่าตัวตาย คาดเครียดที่าสามีถูกล้อมจับ ก่อนใช้ปืนจี้ชิงรถตำรวจ สายตรวจ 191 แล้วหลบหนีมาถึง ไปพื้นที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา กระทั่งจอดรถทิ้งไว้ ก่อนหลบเข้าพงหญ้าข้างทาง เจ้าหน้าพยายามพูดเกลี้ยกล่อม สุดท้ายยอมวางอาวุธปืนและเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมบาดแผลโดนแก้วบาดที่เท้าซ้าย ส่วน "นายสันติ เจ๊ะอะหลี" ได้หลบหนีไปได้ เมื่อเวลา 05.40 น.วันที่ 4 ต.ค.นี้
4 ตุลาคม 2567 พ.ต.อ.ภูวดล อุ่นโพธิ์ ผกก.สน.บางซื่อ เผยตงามคืบหน้าว่า ขณะนี้ตำรวจยังไม่สามารถจับกุมตัว นายสันติ เจ๊ะอะหลี ผู้ต้องหา ได้ ตามที่มีกระแสข่าว ขณะนี้อยู่ระหว่างการแกะรอยจากกล้องวงจรปิด เร่งติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดี ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่านายสันติเป็นอดีตนักมวยที่มีฝีมือดี แต่เสียคนเพราะติดยาเสพติด รวมถึงภรรยาด้วยเช่นกัน ส่วนจะค้ายาด้วยหรือไม่อยู่ระหว่างตรวจสอบ
แต่ที่จับกุมตัวได้คือ "นางพจนีย์ ภรรยานายสันติ" ที่ข่มขู่ตำรวจโดยใช้ปืนจี้คอตัวเอง สามารถจับกุมตัวได้แล้วที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อคืนนี้ ตอนนี้อยู่ระหว่างการทำแผลที่โรงพยาบาลตำรวจ เพราะนางพจนีย์มีบาดแผลที่เท้า เมื่อทำแผลเสร็จก็จะนำตัวมาดำเนินคดีในข้อหา
1.ครอบครองอาวุธปืน
2.พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
3.กักขังหน่วงเหนี่ยวเจ้าพนักงาน
ซึ่งตำรวจเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่ นางพจนีย์จะก่อเหตุ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจตำรวจ และให้สามีหลบหนีไป เพราะตำรวจติดต่อนางพจนีย์ เพื่อให้ช่วยเกลี้ยกล่อมสามีให้มอบตัว จากการตรวจค้นพบอาวุธปืนลูกโม่ยังไม่ทราบขนาดที่แน่นอน และยาไอซ์ 1 ซอง
ด้าน นายเกียรติศักดิ์ อายุ 61 ปี พ่อของคุณหมอที่ถูกจับเป็นตัวประกัน เปิดเผยว่า เหตุการณ์เมื่อวานนี้ตัวเองและครอบครัวมีความกังวลใจ และตกใจ แต่ยอมรับว่าต้องมีสติและพูดคุยแผนงานกับทางตำรวจอยู่ตลอด เมื่อทราบว่าคนร้ายคือผู้ต้องหาที่หลบหนีคดีเก่าเข้ามาในบ้านของตัวเอง จึงต้องให้ความร่วมมือกับทางตำรวจทุกขั้นตอน
โดยช่วงนายสันติปีนเข้ามาในบ้าน ลูกชาย 2 คนอยู่ในห้องของตัวเองกัน ซึ่งลูกชายคนกลางโทรศัพท์มาหาตัวเองที่อยู่คลินิกด้านหน้าซอย ก่อนเล่าว่ามีคนร้ายเคาะประตู แล้วบอกว่า “เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะมาจับคนร้าย ขอให้เปิดประตู”
ลูกชายก็เปิด แต่พอเห็นหน้าปุ๊ป จึงรีบปิดประตูทันที แต่เขาก็ยังเคาะห้อง แล้วบอกว่า “ขอน้ำดื่มหน่อย” ด้วยท่าทีนิ่งๆและสุภาพ ทั้งๆที่ด้านหน้าห้องมีน้ำเป็นแพคๆ วางกองอยู่ จึงรู้สึกเอะใจ
จากนั้นตัวเองจึงคอยโทรหาลูกเป็นระยะๆ แล้วบอกให้ลูกปิดเสียงโทรศัพท์ ล็อคห้องและหมอบลงไปใต้เตียง พร้อมเน้นย้ำว่าให้ใช้ไลน์ในการสื่อสาร โดยลูกชายก็ได้ถ่ายคลิปให้ตัวเองดูเป็นระยะๆ เบื้องต้นทราบว่าคนร้ายมีปืน 2 กระบอก ถือปืนอยู่ตลอดเวลา และคนร้ายเคยอยู่ในซอยนี้ จึงรู้จักทำเลหรือทางหนีทีไร่เป็นอย่างดี
กระทั่งตำรวจใช้ยุทธวิธีต่างๆ ใช้โดรนบินสำรวจ และใช้โทรโข่งพูดให้คนร้ายมอบตัวอยู่ตลอด แต่สุดท้ายก็พบว่าคนร้ายหลบหนีออกไปทางหลังบ้านแล้ว โดยใช้มือบิดกล้องวงจรปิดไม่ให้เห็นขณะหลบหนี ด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นที่ว่าง ส่วนความเสียหายในบ้าน ยืนยันว่าไม่มีความเสียหายใดๆ ไม่ได้ขโมยของหรือทรัพย์สินมีค่าใดๆ ออกไป และไม่ได้ทำร้ายใคร
ส่วนช่องที่คนร้ายปีนเข้ามาในบ้าน เป็นช่องทำที่ดูดควันตรงห้องอาหาร ตัวเองทำปล่องไว้ แต่ลืมปิดช่อง จึงทำให้คนร้ายอาศัยจังหวะนี้ปีนขึ้นมาได้
หลังจากนี้จะดำเนินการปิดช่องทันที เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ พร้อมฝากขอบคุณสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ได้เข้ามาช่วยเหลือทุกคนจนปลอดภัย