3 ตุลาคม 2567 เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุคนร้ายสวมชุดลายพราง จับตัวประกันไว้ภายในบ้าน พื้นที่ ซอยอินทามระ 29 แยก 3 และยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และยังคงหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้าน เบื้องต้นชุดหนุมานกองปราบ และ ตำรวจ สน.บางซื่อ เข้าปิดล้อมพื้นที่แล้ว โดยคนร้ายมีการยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจบางซื่อ ขอสนับสนุนรถพยาบาล และอุปกรณ์ส่องแสงสว่างไปยังที่เกิดเหตุ
พ.ต.ท.วรภัทร สุขไทย รอง ผกก.ป.สน.บางซื่อ เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 21.50 น. มีเหตุชายพกอาวุธปืนออโตเมติก บุกเข้าบ้านประชาชน ภายในซอยอินทามระ 29 แยก 1 โดยชายคนดังกล่าว สูงประมาณ 180 ซม. สวมชุดลายพราง อยู่ระหว่างหลบหนีการจับกุมของตำรวจ สน.เตาปูน และได้หลบเข้าไปในบ้านดังกล่าว ภายในบ้านมีเด็กอยู่ที่บริเวณชั้น 2 โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายสิบนาย อยู่ระหว่างปิดล้อม แต่ยังไม่สามารถบุกเข้าไปภายในบ้านได้ เนื่องจากเกรงว่า ผู้ก่อเหตุจะทำอันตรายกับเด็กที่อยู่ในบ้าน
เบื้องต้นทราบว่า ผู้ก่อเหตุเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ สน.เตาปูน ในคดี ลักทรัพย์ , บุกรุกในเวลากลางคืน เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้แกะรอย และติดตามเพื่อจะจับกุม แต่ผู้ต้องหาไหวตัววิ่ง ยิงต่อสู้ก่อนหลบหนีมาภายในบ้านประชาชน ในซอยอินทามระ 29 แยก 1 ช่วงเวลาประมาณหนึ่งทุ่ม
ภายในบ้านมีผู้หญิงกับเด็ก ผู้หญิงหนีออกมาแล้วตอนนี้เหลือเด็ก ผู้ต้องหามีอาวุธปืนลูกโม่ 2 กระบอกพร้อมกระสุน 40 นัด จากการตรวจสอบพบว่า ในบ้าน มีตัวประกัน 2 คน อยู่ที่บริเวณชั้น 2 โดยคนร้ายได้ยิงต่อสู้ตำรวจ จนได้รับบาดเจ็บ 1 นาย และชาวบ้านบาดเจ็บอีก 1 คน โดยขณะนี้ชุดหนุมานกองปราบ สนธิกำลัง สน.บางซื่อ ปิดล้อมจับบ้านหลังดังกล่าวแล้ว
ทางด้านอดีตนายจ้างของผู้ต้องหา ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ผู้ต้องหาคือ นายสันติ เจ๊ะอะหลี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 488/67 ลง 3 ต.ค.61 ปัจจุบันอยู่ระหว่างติดตามค้นหาตัว เคยเป็นนักมวย ใช้ชื่อในวงการว่า "ฤทธิเดช ใหม่เมืองคอน" สังกัดเฮียตี๋ทีเด็ด99 แต่พอเลิกชกมวย ตนก็ได้ว่าจ้างให้มาเป็นครูฝึกสอน ที่ค่ายมวยของตนย่านอินทามระ
แต่ก็อยู่ด้วยกันเพียงแค่ 4 เดือนเท่านั้น โดยตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกัน ผู้ต้องหาไม่เคยมีพฤติกรรมความรุนแรงให้เห็นแต่อย่างใด แต่ที่อยู่ด้วยกันไม่ได้ เป็นเพราะเพราะผู้ต้องหามีพฤติกรรมชอบลักทรัพย์ มีหลายครั้งที่ของใช้ส่วนตัวของนักมวยในค่ายหายไป และผู้ต้องหามีพฤติกรรม เสพยาบ้าเป็นประจำ จนทำให้ตนต้องไล่ออกไป
ฅ
ต่อมาเวลา 23.50 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงเสริมกำลัง พร้อมยุทโธปกรณ์ครบมือ เข้าพื้นที่ต่อเนื่อง โดยกันสื่อมวลชนและชาวบ้าน รวมถึงผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องออกห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 200 เมตร
เวลา 00.15 น. ตัวประกัน 2 คน หนึ่งในนั้นเป็นหมอ หนีออกมาได้ปลอดภัย
เวลา 00.30 น. มีรายงานว่า ภรรยาของ นายสันติ ได้ก่อเหตุใช้อาวุธปืน ขนาด 9 มม. จ่อหัวตัวเอง ขู่จะยิงตัวตาย หลังเกิดภาวะเครียดจากการที่สามี ถูกเจ้าหน้าที่ปิดล้อมจับกุม โดยเหตุดังกล่าวอยู่ที่อาคารร้างแห่งหนึ่ง บริเวณแยกสุทธิสาร ริมถนนวิภาวดี ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่ นายสันติ ถูกปิดล้อมไม่ไกลมากนัก ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างเจรจาเกลี่ยกล่อมให้เจ้าตัวสงบสติอารมณ์แล้ววางปืนเดินออกมา
ล่าสุด เวลา 00.50 น. มีรายงานแจ้งเข้ามาว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ถอนกำลังออกจากจุดเกิดเหตุที่ นายสันติ บุกเข้าไปในบ้านเรือนประชาชน เนื่องจากภายในซอยอินทามระ 29 แยก 1 หลังสามารถเข้าเคลียร์พื้นที่ภายในบ้านได้สำเร็จ ส่วนตัวนายสันติ ผู้ต้องหา จากการตรวจสอบเบื้องต้นคาดว่า น่าจะไหวตัวชิงหลบหนีออกจากบ้าน ไปตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 22.00 น. ที่ผ่านมา
ส่วนจุดที่ ภรรยาของนายสันติ ก่อเหตุใช้อาวุธปืนจ่อหัวขู่จะยิงตัวเอง แยกสุทธิสาร เจ้าหน้าที่ยังคงตรึงกำลังปิดล้อมต่อเนื่อง
เวลา 01.40 น. ความคืบหน้าเหตุการณ์ภรรยาของนายสันติ ที่ใช้อาวุธปืนจ่อหัวตัวเอง ในอาคารร้างริมถนนวิภาวดีรังสิต แยกสุทธิสาร ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเกลี่ยกล่อม ให้เจ้าตัวยอมวางอาวุธปืนแล้วเดินออกมาจากอาคารร้าง ได้อย่างปลอดภัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างนำตัวไปทำการสอบปากคำ
"เมียสันติ" ชิงรถตำรวจหนีถึงวังน้อย
ความคืบหน้าเมื่อเวลาประมาณ 05.40 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่าภรรยาของนายสันติ ได้ก่อเหตุจี้รถตำรวจ สายตรวจ 191 แล้วหลบหนีมาถึงถนนธัญบุรี อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ก่อนจะจอดรถทิ้งไว้แล้วหลบเข้าพงหญ้าข้างทาง และได้ตัดสินใจปรากฏตัวต่อหน้าตำรวจ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้พยายามพูดเกลี้ยกล่อมให้ภรรยาของนายสันติ วางอาวุธปืน แต่ภรรยาของนายสันติ ยังไม่มีท่าทีที่จะวางอาวุธปืน ทางเจ้าหน้าที่จึงต้องพยายามพูดจาเกลี้ยกล่อมอย่างต่อเนื่อง โดยได้ประสานให้อดีตนายจ้างของนายสันติ มาพูดจาเกลี้ยกล่อมด้วย
กระทั่งเมื่อเวลา 05.50 น. ภรรยานายสันติ ยอมวางอาวุธปืนและเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
โดยภรรยาของนายสันติ ยังมีอาการร้องไห้ฟูมฟายไม่ได้สติ อดีตนายจ้างนายสันติ จึงต้องพูดคุยเพื่อปลอบ นอกจากนี้ พบว่า ภรรยานายสันติ มีบาดแผลที่ส้นเท้าซ้าย จากการถูกเศษแก้วบาดตั้งแต่ตึกร้างแยกสุทธิสารเมื่อคืน โดยเจ้าหน้าที่ได้มีการประสานรถพยาบาลจากโรงพยาบาลตำรวจมารับตัวเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ
ทราบชื่อภรรยานายสันติชื่อว่า น.ส.พจนีย์ ยังไม่ทราบอายุ โดยหลังจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปิดกั้นพื้นที่ เพื่อให้พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบหาอาวุธปืนและร่องรอยที่หลักฐานในพื้นที่เกิดเหตุต่อไป