svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

อ่วม! เปิดโทษ 5 ข้อหาหนัก "โชเฟอร์" รถบัสทัศนศึกษาไฟไหม้

เปิดโทษ "โชเฟอร์" อ่วมโดนแจ้ง 5 ข้อหาหนัก ทั้ง "อาญา-พ.ร.บ.จราจรทางบก" หลังตำรวจสอบปากคำ เล่านาทีเกิดเหตุไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา

จากกรณีโศกนาฏกรรมใหญ่ สะเทือนใจชาวไทยอย่างมาก หลังจากเกิดเหตุรถบัสทัศนศึกษาของนักเรียน วัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี ก่อนไฟลุกไหม้หน้าอนุสรณ์สถาน ถนนวิภาวดีรังสิต ประตูรถฉุกเฉินเปิดไม่ได้ จนนำไปสู่มีผู้เสียชีวิต 23 ราย ตอนนี้คนขับได้เดินทางมามอบตัวแล้ว และที่น่าตกใจคือ เมื่อตรวจสอบรถบัสคันไฟไหม้ พบว่าใช้งานมานานถึง 54 ปี เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2513 เป็นประเภทรถโดยสารไม่ประจำทาง เลขตัวรถ 14300 เลขเครื่องยนต์ 422915-20-590053 มีที่นั่ง 41 ที่นั่ง น้ำหนักรวม 16,600 กิโลกรัม 

2 ตุลาคม 2567 หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวโชเฟอร์ขับรถบัสคันเกิดเหตุ "นายสมาน" (สงวนนามสกุล) อายุ 48 ปี มาให้ปากคำที่ สภ.คูคต จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุ เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหากับนายสมาน รวมทั้งสิ้น 5 ข้อหาหนัก ดังนี้

 

1. ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปีและปรับไม่เกินสองแสนบาท

 

2. พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 43 (4) ขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียวอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 400 บาท ถึง 1,000 บาท

3. พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 157 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 43 (4) ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 400 บาท ถึง 1,000 บาท

 

4. พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 78 ขับรถในทางก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล และไม่หยุดรถให้การช่วยเหลือ ซึ่งมีบทลงโทษตามมาตรา 160 วรรคหนึ่ง ซึ่งบัญญัติว่า “ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 78 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือนหรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” และวรรคสอง ซึ่งบัญญัติว่า “ถ้าการไม่ปฏิบัติตามมาตรา 78 เป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับอันตรายสาหัสหรือตาย ผู้ไม่ปฏิบัติตามต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือนหรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

 

5. พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 160 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 78 จนเป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับอันตรายสาหัสหรือถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือนหรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

เบื้องต้น "บิ๊กหน่อง" พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ รองผู้บัญชาการ ตำรวจภูธรภาค 1 เผยผลการสอบปากคำ "นายสมาน" ว่า โชเฟอร์รายนี้ให้การอ้างว่า ขับรถบัสมาเป็นคันที่ 2 จากทั้งหมด 3 คันของขบวน ขับด้วยความเร็วประมาณ 70 – 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถึงจุดเกิดเหตุ รถเสียหลักคล้ายตกหลุม ส่งผลให้เกิดยางระเบิดหรือถุงลมแตกก็ไม่ทราบได้

จากนั้นรถเอนไปทางด้านขวาและเฉี่ยวชนกับรถเบนซ์ พยายามที่จะประคองรถไว้ แต่รถก็ไปครูดกับแท่นแบริเออร์ จนเกิดประกายไฟ ตนวิ่งไปหยิบถังดับเพลิงที่รถบัสคันหลัง แต่คุมเพลิงไม่อยู่ ยอมรับรู้สึกตกใจจึงตัดสินใจหลบหนีไปอยู่ที่บ้านญาติในจังหวัดอ่างทอง