เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2567 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการอาคารเอ ถนนแจ้งวัฒนะ กทม. นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด นายณรงค์ ศรีระสันต์ รองสำนักงานอัยการสูงสุด และนายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมกันแถลงข่าว อัยการสูงสุดสั่งฟ้องคดีสลายการชุมนุมตากใบ และมีผู้เสียชีวิตระหว่างควบคุมตัว
นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า คดีนี้อัยการสูงสุดได้รับสำนวนคดีวิสามัญฆาตกรรมและสำนวนไต่สวนชันสูตรพลิกศพของศาลจังหวัดสงขลาจาก พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผช.ผบ.ตร.รักษาการแทน ผบ.ตร. เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2567 ซึ่งทั้ง 2 คดีดังกล่าว สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 19 ต.ค.2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ตากใบ ได้จับกุมนายกามา อาลี กับพวกรวม 6 คน ผู้ต้องหาที่เป็นอาสาสมัครรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) กรณีนำอาวุธลูกของของราชการ ที่ใช้คุ้มครองหมู่บ้านไปมอบให้แก่คนร้ายแล้วแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานว่า อาวุธปืนดังกล่าวถูกคนร้ายปลันไป จึงถูกดำเนินคดีฐานแจ้งความเท็จและยักยอกทรัพย์
ต่อมาในวันที่ 25 ตุลาคม 2547 เวลาประมาณ 10.00 น. ได้มีประชาชนเป็นกลุ่มมวลชนประมาณ 300 - 400 คน มาชุมนุมกันที่หน้า สภ.ตากใบ เรียกร้องให้ปล่อยผู้ต้องหาทั้งหมดทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข และมีประชาชมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งเวลา 13.00 น. พล.ท.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี แม่ทัพภาคที่ 4 (ในขณะนั้น)ได้สั่งให้เลิกการชุมนุม ซึ่งพื้นที่อำเภอตากใบในช่วงเวลาดังกล่าวอยู่ระหว่างการประกาศการใช้กฎอัยการศึกรวมทั้งได้ตามกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน บิดามารดาของผู้ต้องหาทั้งหกมาร่วมเจรจา แต่ไม่เป็นผล
โดยผู้ชุมนุมเสนอเงื่อนไขเรียกร้องให้ปล่อยผู้ต้องหาทั้งหมดทันที พร้อมทั้งโห่ร้องขับไล่ยั่วยุเจ้าหน้าที่ เหตุการณ์วุ่นวายได้เพิ่มทวีความรุนแรง เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ พล.ต.เฉลิมชัย วิรุฬห์เพชร ผู้ต้องหาที่ 1 ในคดีวิสามัญฆาตกรรม (ยศในขณะนั้น) ได้เรียกกำลังจากหน่วยต่าง ๆ และจัดรถยนต์บรรทุก จำนวน 25 คัน มาเตรียมพร้อมสลายการชุมนุม จนกระทั่งในเวลาประมาณ16.00.น. เจ้าหน้าที่จึงเข้าสลายการชุมนุมและจับกุมกลุ่มผู้ประท้วงขึ้นรถบรรทุกทั้ง 25 คัน เฉลี่ยคันละ 40 - 50 คน เพื่อออกเดินทางในเวลาประมาณ 19.00 น. นำผู้ชุมนุมทั้งหมดไปยังค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ถึงค่ายอิงคยุทธบริหาร เวลาประมาณ 21.00.น.เมื่อนำตัวผู้ถูกควบคุมลงจากรถบรรทุกปรากฏว่า ได้ถึงแก่ความตายทั้งหมด 78 คน โดยรถบรรทุกที่มีผู้ถึงแก่ความตาย มีผู้ต้องหาที่ 2, 3, 4, 5, 6 และ 8 เป็นพลขับ โดยมีผู้ต้องหาที่ 7 เป็นผู้ควบคุมขบวนรถ พนักงานสอบสวน สภ.หนองจิก จังหวัดปัตตานี ได้กล่าวหาเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเป็นคดีวิสามัญฆาตกรรมและสำนวนชันสูตรพลิกศพ โดยทั้งสองคดีมีรายละเอียด ดังนี้
1. สำนวนวิสามัญฆาตกรรมมี พ.ต.อ.พัฒนชัย ปาละสุวรรณ เป็นผู้กล่าวหา มีผู้ต้องหาทั้งหมด 8 คน ประกอบด้วย
พล.อ.เฉลิมชัย วิรุฬห์เพชร ผู้ต้องหาที่ 1
ร.ต.ณัฐวุฒิ เลื่อมใส ผู้ต้องหาที่ 2
นายวิษณุ เลิศสงคราม ผู้ต้องหาที่ 3
ร.ท.วิสนุกรณ์ ชัยสาร ผู้ต้องหาที่ 4
นายปิติ ญาณแก้ว ผู้ต้องหาที่ 5
พ.จ.ต. รัชเดช หรือพิทักษ์ ศรีสุวรรณ ผู้ต้องหาที่ 6
พ.ท.ประเสริฐ มัทมิฬ ผู้ต้องหาที่ 7
ร.ท.ฤทธิรงค์ พรหมฤทธิ์ ผู้ต้องหาที่ 8
ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 288 คดีดังกล่าว ซึ่งพนักงานสอบสวนเห็นควรสั่งไม่ฟ้อง โดยอ้างว่าผู้ต้องหาทั้งหมดปฏิบัติราชการตามหน้าที่
2. สำนวนชันสูตรพลิกศพเกี่ยวกับการตายของผู้ที่ถูกควบคุมตัวทั้ง 78 คนดังกล่าว พนักงานสอบสวน ได้ส่งสำนวนให้กับพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการจังหวัดปัตตานี เมื่อปี 2547 และพนักงานอัยการได้ยื่นคำร้อง ต่อศาลจังหวัดปัตตานี เพื่อไต่สวนชันสูตรพลิกศพตามขั้นตอนของกฎหมายในปีเดียวกัน ต่อมาในระหว่างไต่สวนได้มีการโอนสำนวนมาทำการไต่สวนที่ศาลจังหวัดสงขลา โดยญาติผู้ตายได้แต่งตั้งทนายเข้ามาถามค้านการไต่สวนของศาลด้วย
และในปี 2548 ศาลจังหวัดสงขลาได้ไต่สวนเสร็จสิ้น และมีคำสั่งว่าผู้ตายทั้ง 78 คน ตายที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2547 เหตุและพฤติการณ์ที่ตายคือ ผู้ตายทั้ง 78 คน ขาดอากาศหายใจ ในระหว่างอยู่ในการควบคุมของเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติราชการตามหน้าที่หลังจากศาลมีคำสั่งได้ส่งคืนคำสั่งพร้อมเอกสกสารที่เกี่ยวข้องให้กับพนักงานอัยการ และในปี 2548 พนักงานอัยการ
ได้ส่งเอกสารที่ได้รับจากศาลพร้อมถ้อยคำสำนวนทั้งหมดคืนให้กับพนักงานสอบสวน สภ.หนองจิก เพื่อให้พนักงานสอบสวนดำเนินการส่งเอกสารทั้งหมดพร้อมสำนวนวิสามัญฆาตกรรมให้อัยการสูงสุดเป็นผู้พิจารณามีความเห็นและคำสั่ง ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจในการสั่งคดีวิสามัญฆาตกรรม ซึ่งผู้ตายถูกเจ้าพนักงานซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่ฆ่าตาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 143 วรรคท้าย
หลังจากอัยการสูงสุดได้รับสำนวนวิสามัญฆาตกรรมและสำนวนไต่สวนชันสูตรพลิกศพของ ศาลจังหวัด สงขลา จาก พล.ต.ท. อิทธิพล อัจฉริยะประดิษธ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แล้วได้มีคำสั่งสอบสวนเพิ่มเติมในหลายประเด็น และกำหนดให้ส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติม ภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2567
จนต่อมาวันที่ 12 กันยายน อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหา 8 คน ในสำนวนคดีวิสามัญฆาตกรรม โดยมี พล.อ.เฉลิมชัย วิรุฬห์เพชร อดีตผู้บัญชาการ พล.ร.5 เป็นจำเลยที่ 1 ส่วนอีก 7 คน เป็นพลขับ ในการนำตัวผู้เสียชีวิตทั้ง 78 คน ไปยังค่ายอิงคยุทธบริหาร
โดยมีคำวินิจฉัยว่า แม้จำเลยทั้ง 8 คน จะไม่ประสงค์ต่อผลที่จะให้ผู้ตายถึงแก่ความตายก็ตาม แต่การจัดหารถเพียง 25 คัน ในการบรรทุกผู้ชุมนุมกว่าพันคน อันเป็นการแออัดเกินกว่าวิธีการบรรทุกคนที่เหมาะสม เป็นเหตุให้ผู้ตายทั้ง 78 คน ขาดอากาศหายใจ ระหว่างอยู่ในการควบคุมของเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติราชการตามหน้าที่ ดังนั้น การกระทำของจำเลยทั้ง 8 คน
จึงเป็นความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น ซึ่งทางอัยการสูงสุด ได้มีความเห็นส่งกลับไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ตำรวจติดตามตัวผู้ต้องหาทั้ง 8 คน มารับทราบข้อหากล่าว ก่อนคดีหมดอายุความ วันที่ 25 ตุลาคม 2567 ซึ่งหากไม่สามารถนำตัวผู้ต้องหามาส่งศาลได้ทันตามกรอบเวลา จะถือว่าคดีสิ้นสุดลง ขาดอายุความอายุความคดีอาญา 20 ปี ไม่สามารถดำเนินคดีได้อีก
สำนวนคดีที่ประชาชนยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดนราธิวาสเอง นั้นชื่อผู้ต้องหาไม่ใช่ชุดเดียวกัน มีเพียง พล.อ.เฉลิมชัย ผู้ต้องหาคนเดียวที่มีชื่อตรงกันทั้งในสำนวนคดีของพนักงานสอบสวนและสำนวนคดีที่ประชาชนยื่นฟ้องคดีต่อศาลเอง
ส่วนขั้นตอนต่อไปหากอัยการยื่นฟ้องสำนวนคดีต่อศาลแล้ว จะนำไปรวมกับสำนวนคดีที่ประชาชนฟ้องเองและศาลได้ประทับฟ้องไว้แล้วหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาล และเรื่องของอายุความคดีที่ศาลประทับฟ้องคดีไว้แล้วจะเป็นอย่างไรในส่วนของสำนักงานอัยการไม่มีข้อมูล
สำหรับในสำนวนคดีที่ประชาชนยื่นฟ้อง ซึ่งมี พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 สส.บัญชีชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นหนึ่งในผู้ต้องหานั้น จะได้รับความคุ้มกันตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 125 เนื่องจากอยู่ระหว่างสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ตามขั้นตอนศาลจะได้มีหนังสือไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อหารือที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่าจะให้เอกสิทธิ์คุ้มครองหรือไม่ รวมทั้ง มีหมายเรียก และมีหนังสือแจ้งให้พล.อ.พิศาล ทราบว่า ศาลได้ดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 125 ขอให้พล.อ.พิศาล แถลงต่อสภาผู้แทนราษฎร เพื่อสละเอกสิทธิ์คุ้มครองและมาศาล ซึ่งศาลจังหวัดนราธิวาานัดในวันที่ 15 ตุลาคมนี้
ทั้งนี้ นายประยุทธ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นว่า การที่คดีตากใบมีความล่าช้านาน 19 ปี มาจากเหตุผลใดให้ไปสอบถามทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ยอมรับว่า เป็นครั้งแรกว่า มีการใช้เวลาสั่งฟ้องคดีนาน พร้อมย้ำว่าหากสุดท้ายแล้วเกิดมีผลกระทบที่เป็นความเสียหายจากการไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้ ก็ให้สังคมและทุกภาคส่วนช่วยกันถอดเป็นบทเรียน
เมื่อถามว่าคดีนี้สำนวนที่ถูกดองมาเนิ่นนานเป็นเวลา 19 ปี เคยเกิดขึ้นมาก่อนหรือไม่
นายประยุทธ กล่าวว่า ไม่มีข้อมูลในเชิงสถิติ แต่ตั้งแต่ตนเป็นอัยการมาไม่เคยได้ยินมาก่อน ที่ว่าเป็นเรื่องแปลกหรือไม่คิดว่าทุกคนสามารถตอบแทนกันได้
เมื่อถามว่าอัยการมีสิทธิ์เร่งรัดคดีจากพนักงานสอบสวนหรือไม่
นายณรงค์ ศรีระสันต์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า อัยการไม่สามารถเร่งรัดพนักงานสอบสวนได้ เพราะทางตำรวจเองก็ทราบดีอยู่แล้วถึงระยะเวลาในการฝากขังระยะเวลาในการดำเนินงาน สำหรับประเทศไทยเราแยกดำเนินการในการ จับกุม สอบสวนเป็นของตำรวจ อำนาจ อำนาจฟ้องร้องและการสังคดีเป็นของอัยการเพราะฉะนั้นกฎหมายปัจจุบันเรายังแยกกันอยู่เพราะฉะนั้นหากทางตำรวจพนักงานสอบสวนยังไม่ส่งอัยการก็ไม่สามารถก้าวล่วงไปเร่งรัดสำนวนกับตำรวจได้
แต่เมื่อตำรวจส่งมาแล้วหน้าที่อัยการคือพิจารณาสั่งฟ้องให้ทันฝากขังประกันหรืออายุความ ในทางกลับกันหากทางตำรวจส่งมาช้า ตำรวจก็ต้องเป็นคนที่จะต้องรีบหาตัวผู้ต้องหา ให้มาฟ้องภายในอายุความเช่นกัน
ทั้งนี้ผู้ต้องหาที่ทางท่านอัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องทั้ง 8 คนยังไม่ได้มีการฟ้องต่อศาลอยู่ในระหว่างอัยการสูงสุดส่งสำนวนกลับไปให้ทางอัยการจังหวัดปัตตานีเพื่อให้อัยการจังหวัดปัตตานีแจ้งพนักงานสอบสวนไปติดตามแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาทั้ง 8 เนื่องจากในขณะที่พนักงานสอบสวนส่งสำนวนคดีนี้มา ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาเลย เพราะพนักงานสอบสวนมีคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหามาโดยตลอด
นายประยุทธ กล่าวว่า เรื่องหมดอายุความของคดีนี้ ตนขออธิบายให้เข้าใจว่า หลังจากอัยการสูงสุดมีคำสั่งวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา หนังสือแจ้งคำสั่งว่าบัดนี้อัยการสูงสุดได้สั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 8 คนในข้อหา รวมกันฆ่าคน ไปที่ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
พร้อมกับหนังสือที่ระบุว่าคดีนี้จะขาดอายุความเมื่อใด ให้เอาตัวมาส่งฟ้องภายใน วันที่เท่าไหร่ ถ้าไม่ได้ตัวอย่างไรก็ขอให้ศาลดำเนินการออกหมายจับ โดยเร็ว ดังนั้นหน้าที่ต่อไป ทางผบ. ตรก็จะสั่งให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไปติดตามตัวมา ส่งอัยการนำตัวมา เพื่อให้อัยการทำสำนวนฟ้อง พร้อมตัวผู้ต้องหาส่งศาลและฐานะของผู้ต้องหาก็จะเปลี่ยนเป็นจำเลย อายุความจะหยุด ก็ต่อเมื่อได้ตัวส่งศาลแล้ว
โฆษกอัยการย้ำชัด 2 สำนวนคดีตากใบ หากไม่ได้ตัวผู้ต้องหาฟ้องทัน 25 ต.ค.นี้ ขาดอายุความ
นอกจากนี้ นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวเพิ่มเติมกรณีที่มีสื่อมวลชน สอบถามในช่วงเเถลงข่าวเกี่ยวกับเรื่องอายุความคดี
สลายการชุมนุมตากใบ และมีผู้เสียชีวิตระหว่างควบคุมตัว ว่า
ตนได้ตรวจสอบข้อกฎหมายเเล้วว่าเป็นไป
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 95 บัญญัติไว้ว่าในคดีอาญา ถ้ามิได้ฟ้องและได้ตัวผู้กระทำความผิดมายังศาลภายในกำหนดนับแต่วันกระทำความผิด เป็นอันขาดอายุความ เเละในวรรคสอง ถ้าได้ฟ้องและได้ตัวผู้กระทำความผิดมายังศาลแล้ว ผู้กระทำความผิดหลบหนีหรือวิกลจริต และศาลสั่งงดการพิจารณาไว้จนเกินกำหนดดังกล่าวแล้วนับแต่วันที่หลบหนีหรือวันที่ศาลสั่งงดการพิจารณา ก็ให้ถือว่าเป็นอันขาดอายุความเช่นเดียวกัน เท่ากับว่าทั้ง2 สำนวนที่มีราษฎรยื่นฟ้องเองเเละศาลประทับรับฟ้องเเล้ว