ปล่อยตัว "ราเกซ สักเสนา" พ่อมดการเงิน คดียักยอกแบงก์บีบีซี
วันที่ 10 กันยายน 2567 รายงานงานข่าวแจ้งว่า นายราเกซ สักเสนา (Rakesh Saxena) อายุ 72 ปี สัญชาติอินเดีย ผู้ต้องขังในคดียักยอกทรัพย์ธนาคารกรุงเทพพาณิชย์การ (บีบีซี) ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฏาคม 2567 โดยได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยมีตำรวจกองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ไปรับตัวออกจากเรือนจำ ก่อนส่งไปยังกองกำกับการ 3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (บก.สส.สตม.) เพื่อดำเนินการผลักดันออกนอกประเทศตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ต่อไป
ทั้งนี้ มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายราเกช ไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ระหว่างรอการผลักดันออกนอกประเทศ
ย้อนไทม์ไลน์ "ราเกซ สักเสนา" เจ้าของฉายา "พ่อมดการเงิน" หลังได้รับพระราชทานอภัยโทษ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฏาคม 2567 โดยได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ( 10 ก.ย.67) ปัจจุบัน "ราเกซ" อายุ 72 ปี
- นายราเกซ สักเสนา เป็นนักการเงินการธนาคาร ชาวอินเดีย อดีตที่ปรึกษานายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพพาณิชย์การ จำกัด (มหาชน) หรือ บีบีซี ถูกดำเนินคดีข้อหายักยอกทรัพย์ ในปี 2539 หลังการล้มละลายของธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชยการ ในปี 2538 โดยนายราเกซ ถูกออกหมายจับ เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.2539
- โดยจำเลยกระทำการทุจริตในการอนุมัติวงเงินสินเชื่อเกินบัญชี (โอดี) กับบริษัท สมประสงค์ อินเตอร์คอมมิวนิเคชั่น จำกัด และเอกชนอื่นร่วม 10 แห่ง เกินกว่า 30 ล้านบาท โดยไม่ผ่านการพิจารณากลั่นกรองจากคณะกรรมการสินเชื่อ หรือคณะกรรมการบริหารของธนาคารก่อน อีกทั้งไม่ได้จัดให้มีหลักประกัน ไม่มีการวิเคราะห์ฐานะของลูกหนี้ และความสามารถในการชำระหนี้คืน อันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งธนาคารแห่งประเทศไทย
- นอกจากนี้ จำเลย และพวกยังได้ร่วมกันแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ร่วมกันเบียดบังเอาเงินของธนาคารผู้เสียหาย (บีบีซี) ซึ่งอยู่ในความครอบครองของนายเกริกเกียรติ ไปเป็นของจำเลยกับพวกและนายเกริกเกียรติโดยทุจริต แม้ภายหลังจำเลยกับพวกได้ชดใช้เงินให้แก่ผู้เสียหายบางส่วน แต่คงเหลือเงินที่ยังไม่ได้คืนผู้เสียหาย 353,363,966 บาท
- นายราเกซ หลบหนีออกจากประเทศไทย ไปอาศัยอยู่ที่เมืองวิสต์เลอร์ รัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา และถูกจับกุมได้เมื่อวันที่ 7 ก.ค.2539 ต่อมาทางการไทยได้ประสานงานกับแคนาดา เพื่อขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย แต่นายราเกซ ได้ให้ทนายความยื่นคัดค้าน โดยอ้างว่าถ้าถูกส่งกลับประเทศไทย อาจถูกสังหาร หรือถูกขังในคุกอย่างโหดร้ายทารุณ
- ศาลใช้เวลาในการพิจารณาเกือบ 13 ปี กระทั่งศาลฎีกาแคนาดา มีคำพิพากษายกคำร้องคัดค้านของนายราเกซ เมื่อเดือน พ.ย.2551 และส่งตัวนายราเกซ มาดำเนินคดีที่ไทย เมื่อวันที่ 30 ต.ค.2552
- คดีนี้ มีการต่อสู้กัน 3 ศาล จนในที่สุดศาลฎีกามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2565 จำคุกกระทงละ 5 ปี และปรับกระทงละ 500,000 บาท โดยมีสำนวนแรก 60 กระทง สำนวนที่สอง 6 กระทง และสำนวนที่สาม 1 กระทง รวม 67 กระทง รวมจำคุก 335 ปี และปรับ 33,500,000 บาท เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุก 20 ปี และสั่งคืนเงินผู้เสียหายกว่า 2,000 ล้านบาท
- ต่อมาศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำพิพากษาเมื่อปี 2555 จำคุกนายราเกซ 10 ปี และต่อสู้คดีเรื่อยมา กระทั่งคดีถึงที่สุดเมื่อปี 2565 รวมระยะเวลาที่รับโทษในประเทศไทย 15 ปี
- ขณะที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สามารถติดตามยึดทรัพย์คืนจากนายราเกซ ได้เป็นมูลค่า 5,000 ล้านบาท จากมูลค่าความเสียหายที่ระบุในคำฟ้องเป็นเงินบาท 40,288 ล้านบาท และเงินดอลลาร์สหรัฐ 85.73 ล้านดอลลาร์สหรัฐ