31 พฤษภาคม 2567 กรณีคดีฆาตกรรม นายไพศาล ทองอ่อน อายุ 54 ปี ซึ่งมีอาชีพขายสินค้าออนไลน์ อย่างโหดเหี้ยม ด้วยการปาดคอและกระหน่ำแทงกว่า 15 เเผล หมกร่างไว้ภายในคอนโด หลังกระทรวงสาธารณสุข เมืองนนทบุรี โดยคนร้ายได้ทรัพย์สินของคนตายไปกว่า 1 ล้านบาท จากการนำบัตรเครดิตไปรูดซื้อทองคำ เเละนำทองติดตัวไปด้วยระหว่างหลบหนี นานกว่า 10 วัน
ล่าสุุดวันนี้ (31 พ.ค.) หลังจากที่ตำรวจเเกะรอยติดตามไล่ล่าคนร้าย ท่ามกลางกระเเสกดดันจากสังคม หลังคนร้ายปรากฏตัว ตั้งเเต่กรุงเทพมหานคร ไปปรากฏตัวที่เมืองพัทยา ช่วงคืนวันที่ 27 พ.ค. จากนั้น ปลอมตัวเป็นนักท่องเที่ยวฮ่องกง ออกจากพัทยาไป หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อ 28 พ.ค. ที่ผ่านมา พบคนร้ายปรากฏตัวครั้งสุดท้ายที่ จ.ชุมพร
ชุดสืบสวนภาค1 เเละ ชุดสืบสวนภูธรจังหวัดนนทบุรี ได้ออกติดตามไล่ล่าอย่างกระชั้นชิด หลังจากมีกระเเสข่าว ว่าคนร้ายหลบหนีออกจากหัวหิน ไปสุราษฎรธานี เเละหนีไปมาเลเซีย ต่อมาทีมข่าวได้สอบถามกับทางตำรวจที่ทำคดีนี้ เปิดเผยว่า เป็นเเค่ข่าวลือ พบความเคลื่อนไหวล่าสุดที่พบ คือ กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพเอาไว้พบว่า ปรากฏตัวลงจากรถที่สี่เเยกปฐมพร ถนนเพชรเกษม จ.ชุมพร
ต่อมาเวลา 11.30 น. เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 1 สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้แล้ว คือ นายภูริณัฐ กาญจนบรรยงค์ หรือ โฟโต้ อายุ 27 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร โดยตำรวจควบคุมตัวได้ ขณะลงรถทัวร์ที่สี่แยกปฐมพร ถนนเพชรเกษม อ.เมืองชุมพร จากนั้นคุมตัวไปที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองชุมพร
ฆาตกรอ้างถูกโกงหลังทำธุรกิจร่วมกัน
ต่อมา พ.ต.อ.จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี เปิดเผยว่า หลังจากควบคุมตัวมาได้ ตำรวจกำลังสอบปากคำอย่างเคร่งเครียด โดยได้รับรายงานมาว่า ตัวผู้ต้องหาไปจังหวัดชุมพร เพื่อจะกลับบ้าน ก่อนที่จะถูกตำรวจจับกุมได้ สำหรับมูลก่อเหตุ นายภูริณัฐ อ้างว่า เป็นเพื่อนกับผู้ตาย มานานกว่า 1 ปี ทำธุรกิจด้วยกัน ก่อนที่จะมีปัญหาเรื่องธุรกิจ แล้วถูกผู้ตายโกงเงินไป ตำรวจตรวจค้นกระเป๋าพบของกลางจำนวนหนึ่ง เป็นทองคำ และ บัตรประชาชนของผู้ตาย
สำหรับ นายภูริณัฐ ถูกแจ้งข้อกล่าวหา ทั้งหมด 3 ข้อหา คือ ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปและ พกพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน ที่สาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร เบื้องต้นผู้ต้องหาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
เเม่ผู้เสียชีวิตยันลูกชายไม่เคยโกงใคร มีเเต่ให้
ต่อมา นางบรรจง เขียวอ่อน อายุ 77 ปี แม่ผู้ตาย นายฉัตรชัย ทองอ่อน เเละ นางสาวอิสริยา ทองอ่อน อายุ 24 ปี หลานสาวผู้ตาย เดินทางมาที่ สภ.เมืองนนทบุรี หลังทราบว่า ตำรวจจับคนร้ายได้ นักข่าวนำภาพคนร้ายให้เเม่ พี่ชาย เเละหลานสาวดู เเม่ยืนยันว่าไม่เคยเห็นคนร้าย เเละไม่เชื่อว่า ลูกชายโกงเงินผู้ก่อเหตุ เพราะลูกชายไม่มีนิสัยเช่นนั้น และก็ไม่ทราบว่า ลูกชายทำธุรกิจกับใครบ้าง เพราะเขาไม่เคยเล่าให้ฟัง ลูกชายมีแต่จะให้ ยืนยันว่า ลูกชายไม่มีหนี้สินที่ไหนด้วย เชื่อว่า อีกฝ่ายจะพูดอะไรก็ได้ เพราะว่าตนตายได้ตายไปแล้ว
หลังจากที่จับได้แล้วแม่ก็อยากให้อีกฝ่ายมาขอขมา ส่วนจะให้อภัยหรือไม่นั้น ตอบไม่ได้ และอยากให้คนร้ายถูกดำเนินคดีถึงที่สุด ส่วนหลังจากนี้ก็จะประสานวัดเพื่อทำพิธีกรรมทางศาสนาต่อ เนื่องจากสามารถจับกุมคนก่อเหตุได้แล้ว ก็คิดว่าวิญญาณของลูกน่าจะไปสู่สุคติ เนื่องจากก่อนหน้านี้ มีคนบอกว่าเห็นวิญญาณของลูกชาย เดินตามผู้ก่อเหตุไป ที่ผ่านมาลูกชายเป็นคนโกรธใครแล้วโกรธแรง เลยคิดว่าในช่วงเวลานั้น เค้าคงอยากได้รับความยุติธรรม เมื่อ 2 วันก่อน แม่เลยได้จุดธูปบอกลูกชายว่า ขอให้สามารถจับคนร้ายให้ได้โดยเร็ว เมื่อวันนี้จับได้แล้วคิดว่า วิญญาณลูกชายน่าจะสงบสุข สุดท้ายนี้พร้อมกับอยาก ถามคนร้ายว่า ทำไมถึงได้ใจร้ายขนาดนี้
ขณะที่หลานสาวเปิดเผยว่า ตอนนี้เงินในบัญชี พร้อมกับทรัพย์สินของอา หายไปรวมกว่า 1.5 ล้านบาท ส่วนกรณีที่คนร้าย ส่งไลน์มาลวงขอกระเป๋าสตางค์ เเละให้ส่งเอกสารบัญชีธนาคารการทำธุรกิจ เเละเเมสเซ็นเจอร์ ส่งภาพเซลฟี่ืกับคนร้ายกลับมา ตอนนั้นเห็นเพียงครึ่งหน้า เพราะในภาพใส่เเมส ใส่หมวก เเต่ก็เริ่มเเปลกใจว่า ใช่อาตนเองหรือไม่ จึงนำรูปให้พี่สาวดู เเต่พอตกเย็น ไลน์ก็ถูกลบออกไป
พี่ชายไม่เชื่อน้องชายโกงคนร้าย ชี้ คนตายพูดไม่ได้
ด้าน นายฉัตรชัย พี่ชาย นายไพศาล ผู้ตายระบุว่า ไม่เชื่อตามที่คนร้ายอ้างว่าถูกโกง เพราะน้องชายทำธุรกิจเพียงคนเดียว ตั้งเเต่สมัยก่อนที่จะไปจีน ทำธุรกิจของเขาด้วยตนเองตลอด ไม่เคยทำธุรกิจร่วมกับใคร เขาจนมุมก็อ้างไปเรื่อย คนตายพูดไม่ได้ มั่นใจว่า น้องชายของตัวเองไม่มีหนี้สิน และอยากให้คิดถึงหลักความเป็นจริงว่า คนก่อเหตุอายุ 27 ปี ตอนอยู่ในลิฟครั้งสุดท้ายก็พูดขึ้นมาว่า ไม่มีเงิน แล้วแบบนี้จะไปทำธุรกิจได้อย่างไร ส่วนจะรู้จักเป็นการส่วนตัวหรือไม่นั้นตนไม่ทราบ เพราะไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ส่วนที่มีกระแสว่า น้องชายของตนคบหากับคนก่อเหตุหรือไม่นั้น มองว่าน้องของตนจะคบกับคนอายุน้อยกว่าหรือ แต่ถ้าหากเป็นการช่วยเหลือเกื้อกูลกันอันนี้ก็อาจจะใช่
นายฉัตรชัย ย้ำว่า ผู้ตายเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียวมาก ขนาดไปจีนก็ยังไม่จ้างคนยกกระเป๋าเลย แบกเองทำเองมาตลอด เค้าหาเงินของเขาเองทุกอย่าง ตนจึงไม่เชื่อว่าน้องของตนมีหนี้สิน มองว่าตอนนี้คนร้ายจนมุม ก็ต้องหาข้ออ้าง ทำธุรกิจด้วยกัน ในที่นี้คนก่อเหตุอาจจะเป็นลูกน้องของน้องชายตนก็ได้ มาขอเงินแล้วน้องไม่ให้ จึงทำร้ายน้องของตน เพราะลักษณะการถูกแทง 15 แผล คิดว่าน่าจะเป็นการคาดคั้น จนสุดท้ายน้องของตนได้เสียชีวิต
จ่อฟ้องร้านทอง ธนาคาร ปล่อยให้คนร้ายทำธุรกรรมได้
ตอนนี้ทางครอบครัวติดใจเรื่องการซื้อทอง คนร้ายได้นำโทรศัพท์มือถือของผู้ตายไปสแกน QR Code ซื้อทองคำที่ร้านทองแห่งหนึ่ง ย่านลาดพร้าว ล้านกว่าบาท โดยคนร้ายได้สวมบัตรประชาชนของผู้ตาย และอ้างกับเจ้าของร้านทั้ง 2 แห่งว่า ตนไปศัลยกรรมมา จึงทำให้หน้าตาตัวจริงไม่เหมือนในบัตร และมองว่า นิติบุคคลของคอนโดว่าเหตุเกิดแล้วทำไมถึงไม่แจ้งตำรวจ และธนาคารด้วย ตนดำเนินการฟ้องอย่างแน่นอน เพราะมองว่ามันหละหลวมเกินไป
โดยกรณีที่เกิดขึ้น มองว่าเป็นกรณีตัวอย่างให้สังคมได้ กว่าที่จะจ่ายเงินหลักล้านได้ มันต้องมีขั้นตอนการยืนยันตัวตนหลายอย่าง ถึงจะสามารถซื้อทองได้ แต่ในกรณีนี้ เห็นแก่การขายทองมากเกินไปหรือเปล่า เพราะว่าเวลาอีกฝ่ายไปทำธุรกรรมการเงิน ก็สวมใส่เสื้อฮู้ดและปิดแมสใส่แว่นดำปิดบังใบหน้าตลอดเวลา แต่ก็สามารถทำธุรกรรมได้ ในขณะที่แอปธนาคารเวลาที่เราจะโอนเงินในจำนวนมาก ยังต้องสแกนหน้าเลย หรือทำทุกอย่างเพื่อยืนยันตัวตน แต่กรณีที่เกิดขึ้นเหมือนแหกกฎปล่อยปละละเลย
ประวัติมือปาดคอ เป็น นศ.นิติ มหาวิทยาลัยดัง
สำหรับนายภูริณัฐ กาญจนบรรยงค์ หรือ โฟโต้ ปัจจุบันอายุ 27 ปี ผู้ต้องหา จากการตรวจสอบประวัติ มีชื่อปรากฏเป็นอดีตนักศึกษานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยชื่อดังของรัฐ ต่อมาประวัติของนายภูริณัฐ ในเเฟนเพจของชมรมค่ายอาสา ของมหาวิทยาลัยดังกล่าว ถูกรบออกไป หลังพบว่า มีผู้เข้าไปเจอประวัติ รวมถึงเฟซบุ๊กส่วนตัวของคนร้ายก็ถูกล็อกโปรไฟล์ ไม่สามารถเข้าไปดูรายละเอียดส่วนตัวของคนร้ายได้
ใช้ของเเบรนด์เนม มีทีดินขายกว่า 22 ไร่
นอกจากนี้การตรวจสอบพบว่า นายภูริณัฐ อยู่ในครอบครัวตระกูลที่มีการศึกษา ทั้งพ่อเเม่ พี่สาว เเละนายโฟโต้ ใช้เเต่ของเเบรนด์เนม ตรวจเสื้อสีชมพูตัวละไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นบาท ยังโพสต์ภาพการซื้อเสื้อผ้าเเบรนด์เนม นอกจากนี้ยังพบว่า ก่อนหน้านี้มีการประกาศขายกระเป๋ายี่ห้อดัง ใบละ 69,000 บาท เเละยังพบว่า ประกาศขายที่ดินเเถวนครนายก ที่อำเภอเมือง ตำบลบ้านนา กว่า 22 ไร่ ไร่ละ 3 ล้านบาท เมื่อเดือนเมษายนปี 2566