svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

"สนธิญา" โร่เข้ารายงานตัวศาลอาญา หลังถูกออกหมายจับ อ้าง จดวันนัดฟังคำพิพากษาผิด

26 เมษายน 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"สนธิญา สวัสดี" โร่เข้ารายงานตัวศาลอาญา หลังถูกออกหมายจับ เบี้ยวฟังคำพิพากษาคดีหมิ่น "เสรีพิศุทธ์" อ้าง จดวันนัดผิด ด้าน ศาลฯ เพิกถอนหมายจับ นัดอีกครั้ง 27 พ.ค. นี้

จากกรณีศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสนธิญา สวัสดี อดีตปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา

กรณีเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2564 สนธิญา จำเลย ได้ยื่นคำร้องอันเป็นเท็จต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวหาว่าโจทก์ขาดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่ง สส. พร้อมทั้งให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนใส่ความโจทก์ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ทำให้โจทก์ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137, 326 และ 328

คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2565 ว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 มาตรา 328 ประกอบมาตรา 326 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษบทหนักสุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จำคุก 1 ปี ปรับ 100,000 บาท

จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน ปรับ 50,000 บาท พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีและรายงานการสืบเสาะแล้วไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน เห็นควรให้โอกาสจำเลยในการปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีต่อไป โทษจำคุกให้รอไว้ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการตามมาตรา 29, 30

\"สนธิญา\" โร่เข้ารายงานตัวศาลอาญา หลังถูกออกหมายจับ อ้าง จดวันนัดฟังคำพิพากษาผิด

ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์ โดยศาลนัดฟังคำพิพากษา เมื่อวันที่ 25 เมษายน ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามเมื่อถึงเวลา นายสนธิญา ไม่ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มาศาล มีพฤติการณ์หลบหนี   จึงให้ออกหมายจับจำเลยมาฟังคำพิพากษา และให้เลื่อนนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นวันที่ 27 พฤกษภาคมนี้ เวลา 09.30 น.

ความคืบหน้า เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 26 เมษายน 2567 นายสนธิญา ได้เดินทางเข้ามารายงานตัวต่อศาลพร้อมให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า คดีนี้ในชั้นต้นศาลพิพากษาไปแล้ว ปรับ 50,000 บาท จำคุก 8 เดือน ให้รอลงอาญา แต่โจทก์ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลเพื่อเพิ่มโทษ และตนเองก็ได้ยื่นอุทธรณ์กลับ แต่เนื่องจากจำวันผิด จึงอยากขอโทษคณะตุลาการ เพราะไม่มีประโยชน์ที่ตนเองจะหลบหนี วันนี้จึงมารายงานตัวต่อศาลเพื่อขอความเมตตา

นายสนธิญา ย้ำว่าไม่ได้ตั้งใจ และอ้างว่าตนเองจดวันที่ไว้ผิด พร้อมหวังว่าหลังจากเข้ารายงานตัววันนี้จะได้กลับบ้าน ส่วนรายละเอียดคดีนี้เป็นคดีหมิ่นประมาท แต่ตนเองรับสารภาพตั้งแต่ศาลชั้นต้น ย้ำเจตนาว่าตนเองไม่มีความต้องการที่จะหนีเพราะตนเองเป็นผู้อุทธรณ์ 

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้เจรจากับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ หรือไม่ นายสนธิญา กล่าวว่า ได้เจรจาผ่านทนายความมาตลอด แต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังใจแข็ง สำหรับเรื่องหมิ่นประมาทตั้งแต่ตนเองยังดำรงตำแหน่งที่ปรึกษากรรมาธิการการกฎหมาย สภาผู้แทนราษฎร

\"สนธิญา\" โร่เข้ารายงานตัวศาลอาญา หลังถูกออกหมายจับ อ้าง จดวันนัดฟังคำพิพากษาผิด

ย้ำว่าทุกเรื่องที่ตนเองดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมไม่ใช่เรื่องส่วนตัว เป็นเรื่องที่มาจากการทำงานในขณะนั้น แต่ในบางเรื่องก็ให้ประสบการณ์ตนเองว่า ต้องสู้บ้าง ส่วน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จะมีความเห็นอย่างไร มองว่าเป็นสิทธิส่วนตัวของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ แต่ถ้าเลือกได้ในวันนี้จะเลือกสู้มากกว่า จะไม่ยอมรับสารภาพ

แต่เมื่อคดีมาถึงวันนี้คาดว่าเรื่องน่าจะจบแล้ว เพราะมาวันนี้ตนเองมาขอความเมตตาในการพิจารณาจากศาลเพียงเท่านั้นเอง แต่ถ้าหากศาลพิพากษาให้จำคุก ก็ได้ทำใจมาแล้วตั้งแต่ในการทำงานเป็นกรรมาธิการการกฎหมาย ว่าต้องพร้อมที่จะเสียสละทุกอย่าง เพื่อให้ความจริงปรากฏ ดังนั้นการทำงานการเมืองไม่ใช่เรื่องสนุก แต่เป็นเรื่องที่ต้องรับผิดชอบ

ศาลอาญาเพิกถอนหมายจับ "สนธิญา" นัดฟังคำพิพากษาอีกครั้ง 27 พ.ค. นี้

จากนั้นนายสนธิญา ได้เข้ารายงานตัวต่อเจ้าพนักงานตำรวจศา ลและเข้าห้องเวรชี้ประจำศาลอาญา เพื่อฟังคำสั่ง โดยศาลอาญาพิจารณาแล้ว เห็นว่าได้สอบจำเลยแล้ว แถลงว่าไม่ได้มีเจตนาไม่มาศาลตามกำหนดนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เนื่องจากจำวันเวลาโดยผิดหลงจากวันอ่านคำพิพากษา จึงขอให้ศาลเพิกถอนหมายจับและขอให้ศาลเลื่อนการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นไปตามที่นัดไว้

พิเคราะห์แล้วกรณีมีเหตุอันสมควร เห็นว่าวันนี้จำเลยมาศาล ไม่มีเจตนาหลบหนีเชื่อว่าจำวันนัดพิพากษาศาลอุทธรณ์ผิดพลาด จึงเห็นควรให้เลื่อนไปอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟังในวันที่ 27 พฤษภาคม 2567 เวลา 09.30 น. และให้เพิกถอนหมายจับลงวันที่ 25 เมษายน 2567 พร้อมกับมีหนังสือแจ้งผู้เกี่ยวข้องทราบต่อไป ทั้งนี้กำชับจำเลยให้มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามกำหนดนัดเดิม

ต่อมาเมื่อเวลา 16.00 น. นายสนธิญา จึงออกมาจากห้องเวรชี้ประจำศาลอาญา พร้อมกับให้สัมภาษณ์ว่า  มารายงานตัวและก็เข้าไปกราบเรียนกับผู้พิพากษาว่า ไม่มีเจตนาจะหนี เพียงแต่จำวันผิดแล้ว สุดท้ายท่านก็ถอนหมายจับ และให้มาฟังคำพิพากษาวันที่ 27 พฤษภาคม โดยไม่ต้องเสียค่าปรับอะไรทั้งสิ้น

ผมยืนยันที่จะสู้คดีและมีความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม รู้สึกดีใจที่ศาลกรุณาและเข้าใจการทำงานของผม และเข้าใจว่าตนเองต่อสู้ด้วยความจริง ด้วยความสุจริต ไม่มีอะไรซ่อนเร้นทั้งสิ้น ทุกอย่างที่ผ่านมาก็ให้เป็นไปตามกฎหมาย

เมื่อถามว่าอยากจะฝากบอกอะไรถึง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ บ้าง นายสนธิญา กล่าวว่า ก็ไม่อยากจะบอกอะไร ท่านเป็นผู้ใหญ่ ตนเองโดยส่วนตัวก็นับถือท่านอยู่ แต่ที่ผ่านมาเป็นเรื่องของการทำงาน ความคิดที่ไม่ตรงกัน เพียงต้องการสื่อให้เห็นหรือหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นท่านจะพิจารณาอย่างไรก็สุดแต่ท่าน

ส่วนตนเองก็ยังมีความเคารพอยู่ตามปกติที่เป็นผู้ใหญ่ของประเทศและตนเองก็เคารพผู้ใหญ่ทุกท่าน  และชีวิตคือการทำงานก็พร้อมรับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งสิ้น จากนั้นจึงเดินทางกลับพร้อมกับลูกสาว

logoline