เปิดเบื้องหลังคำสั่งเชือด "บิ๊กโจ๊ก" หมดสิทธิ์ชิงเก้าอี้ ผบ.ตร. คนที่ 15

ความคืบหน้ากรณี "บิ๊กต่าย" พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รักษาราชการแทน ผบ.ตร. เซ็นคำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมลูกน้องอีก 4 คน ออกจากราชการไว้ก่อน กรณีพัวพันเว็บพนัน BNK master พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวน โดยมี พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช รอง ผบ.ตร. เป็นประธานสอบสวน นั้น

"รายการข่าวข้นคนข่าว" ออกอากาศทางเนชั่นทีวี ช่อง 22 ได้อธิบายเบื้องหลังคำสั่ง และไทม์ไลน์คดีดังกล่าว ไว้ดังนี้

ช่วงเช้าวันที่ 18 เมษายน เจ้าหน้าที่ที่ทำคำสั่ง ส่งคำสั่งให้ "บิ๊กต่าย" ซึ่งเป็นคำสั่งทางปกครอง ให้ออกจากราชการไว้ก่อนเมื่อต้องคดีอาญา ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติฯ และก่อนหน้านี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยแล้ว และเสนอให้ออกจากราชการไว้ก่อน

จากนั้น "บิ๊กต่าย" ได้นำหนังสือคำสั่งนำเรียนนายกฯ โดย คุณพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษากฎหมายของนายกฯ ให้ข้อมูลว่า "บิ๊กต่าย" เป็นผู้ลงนามในคำสั่ง นายกฯไม่ต้องลงนาม ขั้นตอนต่อไปปลัดสำนักนายกฯ ก็จะส่งตัว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  เนื่องจากพ้นสภาพความเป็นข้าราชการตำรวจแล้ว จึงไม่ต้องมีผลในเรื่องช่วยราชการอีกต่อไป

เกมพลิก "บิ๊กโจ๊ก" ตกเก้าอี้

สถานการณ์ที่ทำให้เกมเปลี่ยนคือ คำสั่งศาลอาญา ที่ให้ออกหมายจับ "บิ๊กโจ๊ก" หลังพนักงานสอบสวนออกหมายเรียก 3 ครั้ง คือ

• พยานหลักฐานมีน้ำหนักแน่นหนาเพียงพอ
• พนักงานสอบสวนในคดีสามารถดำเนินคดีได้
• ผู้ต้องหาในคดี มีความพยายามหลบเลี่ยงการแสดงตัว (ออกหมายเรียกถึง 3 ครั้ง)

ศาลอาญายืนยันว่า มีอำนาจในคดีนี้ ไม่ใช่ศาลอาญาคดีทุจริตฯ จึงเท่ากับตัดอำนาจ ป.ป.ช.ไปโดยปริยาย หลังจากนั้นความพยายามในการส่งสำนวนไป ป.ป.ช. จึงเริ่มนิ่ง ไม่มีหน่วยไหนรับลูก ข้อกล่าวหาอื่นๆ ของบิ๊กโจ๊ก เริ่มปรากฏออกมาอย่างเป็นระบบ ทั้งเรื่องเงินบริจาควัด เข้าข่ายฟอกเงิน ขายทองคำ และการตกแต่งบัญชีทรัพย์สิน

เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ที่ช่วยตกแต่งบัญชีทรัพย์สิน ถูกเปิดโปง จนต้องลาออก เป็นสายบิ๊กโจ๊กโยงกรรมการ ป.ป.ช. ที่เพิ่งหมดวาระ ส่วนอดีตผู้ว่าฯ พยานบัญชีทรัพย์สิน "บิ๊กโจ๊ก" ออกมาลงบันทึกประจำวันว่าไม่รู้จักบิ๊กโจ๊ก ส่วนคดีบัญชีทรัพย์สินหนักที่สุด และจะโดนเป็นลำดับต่อไป

ย้อนไทม์ไลน์สอบวินัย "บิ๊กโจ๊ก" 

ภายหลัง "บิ๊กโจ๊ก" ถูกแจ้งข้อกล่าวหา ถือว่าเริ่มกระบวนการสอบวินัย ซึ่งตามระเบียบตำรวจ จะมีการส่งรายงาน 2 ฉบับ (ไม่เกี่ยวกับคดี) ฉบับที่ 1 คณะพนักงานสอบสวนนครบาล ฉบับที่ 2 บิ๊กโจ๊กรายงานว่าตนต้องคดี ทั้งสองฉบับส่งมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผ่านกองคดีอาญากลั่นกรอง และมีความเห็นส่งไปยัง "บิ๊กต่าย" รักษาการ ผบ.ตร. พิจารณา

หากพบการกระทำความผิดวินัย ผบ.ตร. จะตั้งคณะกรรมการสืบสวน มีตำรวจยศไม่ต่ำกว่า พล.ต.อ. และหากกรรมการฯ ชุดนี้ เห็นว่ามีความผิดวินัย ก็จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนพิจารณาทางวินัย ก่อนมีความเห็นชี้ขาดว่า จะให้พักราชการ ออกจากราชการ หรือสำรองราชการ

วิบากกรรม "บิ๊กโจ๊ก" จากยุค "ลุงตู่" สู่นายกฯ เศรษฐา 

5 เมษายน 2562 พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. (ในขณะนั้น) ลงนามคำสั่งให้บิ๊กโจ๊ก พ้นจากตำแหน่ง ผบช.สตม. ไปปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร. ถัดมา 4 วัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี (ในขณะนั้น) ให้บิ๊กโจ๊ก โอนไปเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ประเภทนักบริหารระดับสูง ก่อนแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกฯ 

ปี 2564 บิ๊กโจ๊ก กลับ สตช. ในตำแหน่งที่ปรึกษา (สบ9) เทียบเท่าผู้ช่วย ผบ.ตร. ก่อนขยับเป็น รอง ผบ.ตร. ตามลำดับ

อย่างไรก็ตามครั้งนี้เป็นการ "ให้ออกจากราชการ" ยังมีสิทธิ์อุทธรณ์ ส่วนทางคดีอาญา ศาลยังไม่มีคำตัดสิน และนี่จะเป็นเส้นทางสุดท้ายของบิ๊กโจ๊ก ในอาชีพตำรวจหรือไม่ หรือจะกลับมาได้อีก หรืออย่างที่ใครคาดการณ์เอาไว้ บิ๊กโจ๊ก อาจจะสนใจเส้นทางการเมืองหรือไม่ คงต้องรอติดตามกันต่อไป

"บิ๊กโจ๊ก" หมดสิทธิ์ชิงเก้าอี้ ผบ.ตร. คนที่ 15

ด้าน พล.ต.อ. เอก อังสนานนท์ ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ MORNING NATION ออกอากาศทางเนชั่นทีวี ช่อง 22 ในประเด็นแคนดิเดต ผบ.ตร. คนที่ 15 ว่า

ขณะนี้ต้องถือว่า "บิ๊กโจ๊ก" พ้นจากหน้าที่ราชการ เพราะฉะนั้นหากกระบวนการพิจารณา ไม่ว่าจะเรื่องคดีอาญา และเรื่องวินัยร้ายแรง ไม่เสร็จสิ้น ก็จะขาดคุณสมบัติ เพราะว่าไม่ได้ดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. เงื่อนไขการถูกดำเนินคดี การถูกตั้งกรรมการทางวินัย และการถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อน ท่านก็ขาดคุณสมบัติได้รับการคัดเลือกจากท่านนายกฯ

ถามว่าการต่อสู้คดีของ "บิ๊กโจ๊ก" ต้องใช้ระยะเวลากี่ปี และยังมีโอกาสกลับมารับราชการตำรวจหรือไม่ พล.ต.อ. เอก กล่าวว่า เวลานี้ "บิ๊กโจ๊ก" ถูกกล่าวหา 2 ส่วน ส่วนแรกถูกกล่าวหากระทำความผิดอาญา จนถูกศาลออกหมายจับ และอีกส่วนเป็นคดีอาญาที่อยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช. หากมีการแจ้งข้อกล่าวหากระบวนการ ป.ป.ช. จะใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี รวมไปถึงกระบวนการชั้นศาลอีกประมาณ 5 ปี และอาจจะล่าช้ากว่านี้ สุดท้ายหากศาลตัดสินว่าไม่ได้กระทำความผิด "บิ๊กโจ๊ก" สามารถกลับเข้ารับราชการในระยะเวลาที่เหลืออยู่

ส่วนกรณีการถูกตั้งกรรมการวินัยร้ายแรง สามารถดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 1 ปีครึ่ง ซึ่งเป็นระยะเวลาที่สั้นกว่าคดีอาญา สุดท้ายหากมีการพิจารณาว่า "บิ๊กโจ๊ก" ไม่มีความผิด ก็ต้องสั่งให้ท่านกลับเข้ารับราชการทันที โดยไม่ต้องรอคดีอาญา แต่หากผลออกมาว่ามีความผิด แม้ว่าคดีอาญายังไม่สิ้นสุด ก็สามารถลงโทษท่านได้ ไม่ว่าจะเป็นไล่ออก ปลดออก

สำหรับคำสั่งให้ออกจากราชการ "บิ๊กโจ๊ก" สามารถใช้สิทธิ์ยื่นเรื่องอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) ได้ ภายใน 30 วัน แต่หากบิ๊กโจ๊ก ไม่พอใจคำวินิจฉัยของคณะกรรมการฯ ก็สามารถยื่นฟ้องศาลปกครองได้

สรุปเงื่อนไขสำคัญที่จะกลับเข้ามารับราชการ หมายถึงทั้งคดีวินัย และคดีอาญา ต้องพิสูจน์ว่าไม่ได้กระทำความผิด และศาลพิพากษายกฟ้อง หรือคณะกรรมการวินิจฉัยว่าท่านไม่ผิด