22 ตุลาคม 2566 ที่กองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล(กก.สส. บช.น.) หรือ “สืบนครบาล” สืบเนื่องจาก “สืบนครบาล” ได้รับการร้องเรียนระบุ มีอดีตนักปั้น ซึ่งเป็นที่รู้จักในวงการบันเทิง ยุคปี 2562 โพสต์ภาพภาพและข้อความเพื่อหลอกลวง ผู้ปกครอง ที่สนใจนำบุตรหลานก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง โอนเงินรายละไม่ต่ำกว่าแสน โดยอ้างเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการประกวดเดินแบบ จนมีผู้ปกครองหลายสิบรายตกเป็นเหยื่อ สร้างความเสียหายมูลค่ากว่าเกือบ 10 ล้านบาท
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก สส.บช.น. จึงได้สั่งการให้ ชุดลาดตระเวนออนไลน์ สืบนครบาล ประกอบด้วย พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สืบสวน 1 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู , พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.1 , พ.ต.ต.กฤตวัฒน์ ขุนอินทร์ สว.กก.สส.1ฯ ,.ร.ต.อ.ปรัชญา โคตรสาขา รอง สว.กก.สส.1ฯ, ด.ต.มานพ มากบุญ ออกสืบสวนสอบสวนติดตามตัวผู้ต้องหา
กระทั่ง “สืบนครบาล” สามารถจับกุมนายจรุงศักดิ์ (สงวนนามสกุล) หรือ "อาจารย์เต้ย" อายุ 51 ปี ภูมิลำเนาอยู่ในหมู่บ้านอารีนาการ์เดนท์ ต.บางพลี อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.3143/2566 ลงวันที่ 19 กันยนยน 2566 ในความผิดฐาน “ร่วมกันในข้อหาฉ้อโกงประชาชน,ร่วมกันในข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม โดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” โดยจับกุมผู้ต้องหาได้ที่บริเวณหน้าบ้านพัก ตามภูมิลำเนาดังกล่าว เมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 21 ตุลาคม ที่ผ่านมา
จากการตรวจสอบประวัติ นายจรุงศักดิ์ มีหมายจับค้างเก่าเพิ่มเติม อีกจำนวน 1 หมาย คือ หมายจับของ ศาลอาญา ที่ จ.3123/2566 ลงวันที่ 19 กันยายน 2566 กระทำความผิดฐาน “ร่วมกันในข้อหาฉ้อโกงประชาชน,ร่วมกันในข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม โดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”
ผู้เสียหายจำนวน 3 รายตกเป็นเหยื่อ ได้รับความเสียหายมูลค่ากว่า 350,000 บาท และยังพบว่ามีผู้ปกครองผู้ตกเป็นเหยื่อจำนวนหลายรายเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหากับพวก ในพื้นที่ สน.มักกะสัน อีกจำนวนหนึ่ง
ทั้งนี้ นายจรุงศักดิ์ ให้การภาคเสธฯ โดยรับว่า เปิดบริษัทท็อปโมเดล(ไทยแลนด์)จำกัดจริง ในฐานะกรรมการผู้จัดการ และเปิดเพจเฟสบุค ชื่อว่า “Top model 2022” เพื่อรับสมัครผู้ที่สนในเข้าประกวดเดินแบบเด็กและเยาวชน พร้อมเรียกเก็บค่าสมัคร(แรกเข้า) จากนั้นแจ้งผู้ปกครองว่า มีงานเทรนนิ่งเดินแบบและมีงานประกวดเดินแบบ ทั้งในและต่างประเทศ หากสนใจ จะต้องโอนเงินเป็นค่าเดินทาง โดยอ้างว่าผู้ปกครองจะได้รับเงินค่าจ้างหลังจากเสร็จงาน ก่อนจะมาอ้างสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เกิดข้อขัดข้องในการติดต่อประสานงาน ทั้งเรื่องการเดินทาง และกับเจ้าภาพผู้จัดการประกวด สุดท้าย นายจรุงศักดิ์ ปิดบริษัท ช่วงปลายปี 2565
ขณะที่ข้อมูลจากการสืบสวน นายจรุงศักดิ์เปิดบริษัทและเพจเฟสบุค ในลักษณะเปิดเป็นสาธารณะเพื่อสร้างการเข้าถึงและสามารถมองเห็นการโพสต์ประกาศ การรับสมัครประกวด พร้อมเรียกเก็บค่าแรกเข้าจากผู้ปกครองเด็กคนละ 1,000 บาท ต่อมา นายจรุงศักดิ์ จะอ้างการเข้าร่วมประกวด “Miss International Queen USA” ที่จัดในห้างสรรพสินค้า ย่านพัทยา ด้วยค่าสมัคร 5,000 บาทต่อคน อีกทั้งยังต้องโอนค่าใช้จ่ายต่างๆ อาทิ ค่าประกันงาน ค่าสปอนเซอร์ ค่าเดินทาง รวมประมาณ 40,000 - 50,000 บาทต่อ ผู้เข้าประกวด 1 คน(ไม่รวมผู้ติดตาม)
โดยนายจรุงศักดิ์ อ้างว่า ผู้ปกครองจะได้รับเงินคืนหลังจากเสร็จสิ้นการประกวด หากเป็นกรณีเข้าประกวดในต่างประเทศ อาทิ ประเทศฮ่องกง สิงค์โปร์ เป็นต้น จะต้องจ่ายอีก 10,000 - 20,000 บาทเป็นค่าใช้จ่ายในการติดตามบุตรหลานของตน แต่ผู้ปกครองจะได้รับเงินค่าจ้างเดินแบบให้แก่บุตรหลานคืน คนละ 10,000 - 20,000 บาท โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเด็กแต่อย่างใด
หลังจากที่ผู้ปกครองโอนค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้แล้ว นายจรุงศักดิ์ก็ได้เชิดเงินหลบหนี ซ้ำร้ายพบว่า เมื่อถึงกำหนดนัดหมาย ผู้ปกครองพร้อมบุตรหลานบางรายไปรอขึ้นเครื่อง แต่กลับพบว่า ไม่มีการจองตั่วเดินทางดังกล่าวแต่อย่างใด และไม่สามารถติดต่อกับนายจรุงศักดิ์ได้อีก
"อุบายหลอกลวงของนายจรุงศักดิ์ เป็นเหตุให้มีผู้ปกครองต่างหลงเชื่อ โดยอาศัยความน่าเชื่อถือ และความไว้วางใจของผู้ปกครอง ที่คาดหวังให้บุตรหลานของตนเข้าสู่วงการบันเทิง กลายเป็นความสูญเสียทรัพย์สิน จากจำนวนเงินที่ผู้ปกครองแต่ละรายโอนให้แก่นายจรุงศักดิ์ มูลค่ากว่า 100,000 -200,000 บาทต่อคน" ข้อมูลการสืบสวน ระบุ
พล.ต.ต.ธีรเดช ฝากเตือนไปยังผู้ปกครองและบุตรหลานที่มีความฝันในการเข้าสู่วงการบันเทิง ว่า ทุกท่านควรตรวจสอบให้รอบคอบ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพ และหากพบเบาะแสมิจฉาชีพเหล่านี้ สามารถแจ้งเข้ามาที่ เพจ “สืบสวนนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะไม่เป็นคดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที” ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.