27 กันยายน 2566 การประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจแห่งชาติ หรือ ก.ตร. เพื่อพิจารณาแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนที่ 14 ในวันนี้ 1 ใน 4 แคนดิเดตลุ้นนั่งเก้าอี้ ผบ.ตร. คนใหม่ มีชื่อ “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” หรือ “บิ๊กต่อ” นายตำรวจใหญ่อาวุโสอันดับที่ 4 ที่มีโอกาสก้าวขึ้นเป็นประมุขสีกากี
“บิ๊กต่อ” หรือ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เจ้าของฉายา “มือปราบสายธรรมะ” แม้จะมีอาวุโสอันดับ 4 อดีตเป็นพนักงานบริษัทน้ำมัน ก่อนจะผันตัวเข้ารับราชการตำรวจ แต่ถูกคาดหมายว่าในการประชุมที่มี "เศรษฐา ทวีสิน" นั่งหัวโต๊ะประชุม ก.ตร. จะเคาะรายชื่อแต่งตั้งเป็น “ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ” (ผบ.ตร.)
สำหรับประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 10/2566 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) วันนี้ (27 ก.ย.) กำหนดไว้ในเวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) แต่ในช่วงเช้าที่ผ่านมา มีการเลื่อนการประชุมเร็วขึ้นเป็น 13.00 น. มีวาระสำคัญในการประชุมดังนี้
เปิดประวัติ "บิ๊กต่อ" มือปราบสายบุญ
พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล หรือ "บิ๊กต่อ" อายุ 59 ปี เกิดเมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2507 ที่อำเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี เป็นบุตรคนสุดท้องในบรรดาพี่น้อง 5 คน ของ นายนิพนธ์ และ นางสมนึก สุขวิมล โดยเป็นน้องชายของ พลอากาศเอกสถิตย์พงษ์ สุขวิมล ราชเลขานุการในพระองค์และเลขาธิการพระราชวัง
ชีวิตครอบครัวสมรสกับ นางนิภาพรรณ สุขวิมล มีบุตรสาวทั้งสิ้น 2 คน
การศึกษา
เส้นทางดำรงตำแหน่ง "สีกากี"
"บิ๊กต่อ" ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) หลังจากจบการศึกษาระดับปริญญาตรี ที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ "สิงห์แดง" รุ่นที่ 38
เข้าทำงานเป็นพนักงาน บริษัท น้ำมันคาลเท็กซ์ กระทั่งทำงานอยู่ได้ 7 ปี ได้ลาออก เพื่อเดินหน้าทำตามความฝันตั้งแต่วัยเด็กที่อยากเป็น "ตำรวจ"
ปี 2540 พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เข้าฝึกอบรมหลักสูตร ผู้มีวุฒิทางด้านนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ เพื่อบรรจุแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร (กอต.) รุ่นที่ 4 รุ่นเดียวกับ นายวัน อยู่บำรุง อดีต สส.บางบอน พรรคเพื่อไทย
นายต่อศักดิ์ ในขณะนั้น มีความรู้ความสามารถอย่างมาก สอบเข้าบรรจุ ‘ครั้งเดียวติด’ จากนั้นเส้นทางสายตำรวจของเขาก็ได้เริ่มต้นขึ้น
"บิ๊กต่อ" เริ่มต้นชีวิตเส้นทางสีกากี ยศ “ร้อยตำรวจตรี” ในตำแหน่ง รองสารวัตร กองกำกับการสายตรวจปฏิบัติการพิเศษ 191 ถัดมาอีก 2 ปี ติดยศ “ร้อยตำรวจโท” โดยเข้าเรียนที่โรงเรียนสืบสวนที่วิทยาลัยการตำรวจ และได้ดำรงตำแหน่งรองสารวัตร สังกัดกองปราบปราม
ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าชุดสืบสวน อยู่งานแผนก 3 กอง 2 รถวิทยุ และรับราชการสังกัดกองปราบปรามเป็นเวลานานถึง 17 ปี ก่อนขยับขึ้นเป็นสารวัตร ครั้งแรกที่ตำรวจท่องเที่ยว สังกัดกองกำกับการ 1 ดูแลรถวิทยุฝั่งธน
ต่อมาได้ย้ายมาดำรงตำแหน่งใน กองกำกับการ 3 คุมเรื่องการปราบจลาจล ก่อนจะย้ายไปคุมรถสายตรวจ กองกำกับการ 5 จนกระทั่งได้ขึ้นเป็น รองผู้กำกับการปฏิบัติการพิเศษ (คอมมานโด)
จากนั้นได้เข้าเรียน โรงเรียนผู้กำกับและได้เป็นผู้กำกับการกองปฏิบัติการพิเศษ กองปราบปราม ติดยศ พ.ต.อ. จนครบวาระของการเป็น ผู้กำกับคุมถวายความปลอดภัย
ก่อนขึ้นรองผู้บังคับการปราบปราม และได้รับความไว้วางใจให้เป็น ผู้บังคับการตำรวจมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904 วางฐานรากหน่วยกองบังคับการปฏิบัติการพิเศษในเวลาต่อมา
กระทั่งได้เลื่อนเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ไทม์ไลน์ ดำรงตำแหน่งต่างๆ เติบโตในหน้าที่ราชการอย่างต่อเนื่อง ก่อนรับตำแหน่ง ผบ.ตร. ดังนี้
1 ตุลาคม พ.ศ. 2561
1 ตุลาคม พ.ศ. 2562
1 ตุลาคม พ.ศ. 2563
1 ตุลาคม พ.ศ. 2564
1 ตุลาคม พ.ศ. 2565
27 กันยายน พ.ศ. 2566
4 ตัวเต็งชิงเก้าอี้ "ผบ.ตร." คนที่ 14
สำหรับผู้ที่อยู่ในข่ายได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. คนที่ 14 ไล่เลียงตามลำดับอาวุโส พบว่ามี 4 คน ประกอบด้วย..
อาวุโส ลำดับที่ 1
อาวุโส ลำดับที่ 2
อาวุโส ลำดับที่ 3
อาวุโส ลำดับที่ 4
ล่าสุด วันที่ 27 กันยายน 2566 มีรายงานข่าวว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ได้รับการแต่งตั้งเป็น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คนที่ 14 รับไม้ต่อจาก พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนปัจจุบัน