26 กันยายน 2566 ภายหลัง ชุดปฏิบัติการ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศปอส.ตร.) หรือ PCT ของ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี(ผบช.กมค.) หัวหน้าชุดปฏิบัติการ PCT นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพัก กลางหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ภายในซอยวิภาวดี 60 ของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รอง ผบ.ตร.) เมื่อวานนี้
ทั้งนี้ มีรายงานว่า บ้านทั้ง 5 หลังในหมู่บ้านที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้น มีชื่อผู้ครอบครองเป็นของ “เฮีย ต.” และภรรยา ซึ่งเป็นนักธุรกิจใน จ.อุดรธานี โดยซื้อบ้านทั้ง 5 หลังนี้แล้วให้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พักอาศัย ไม่มีการเก็บค่าเช่า และไม่ได้เข้ามาดูแลบ้านทั้งหมดนี้มานานแล้ว
สำหรับ เฮีย ต. เป็นเจ้าของบริษัทขนส่งรายใหญ่ มีสาขาอยู่ในหลายจังหวัดใหญ่ๆ ทั่วประเทศ กิจการมีความรุ่งเรืองเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง 7-8 ปี ที่ผ่านมา และมักจะให้การต้อนรับคณะนายตำรวจที่เดินทางไปราชการในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
จากการตรวจสอบ ผู้ครอบครองบ้านทั้ง 5 หลัง พบว่าเป็นชื่อของ “เฮีย ต.” จำนวน 3 หลัง ที่เป็นบ้านพักของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และที่อ้างว่าซื้อไว้ให้พ่ออยู่อีกหลัง ส่วนอีก 2 หลัง เป็นชื่อของภรรยาเฮีย ต. ที่ให้เป็นที่พักของนายตำรวจติดตามที่อยู่ห่างกันประมาณ 100 เมตร
นอกจากนี้ จากข้อมูลการจ่ายเงินค่าส่วนกลางของหมู่บ้าน ของบ้านทั้ง 5 หลัง ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2566 ถึงเดือนมิถุนายน 2567 นั้น พบว่า “เฮีย ต.” เป็นคนโอนเงินเข้ามาจ่ายให้ โดยบ้านพักหลังที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พักอาศัยอยู่ จ่ายค่าส่วนกลางเป็นเงินรวม 62,000 บาท ส่วนหลังอื่นหลังละ 26,000-27,000 บาท ถ้ารวมค่าส่วนกลางทั้ง 5 หลัง เป็นเงินกว่า 142,000 บาท ส่วนการขอใช้ไฟฟ้าของบ้านทั้ง 5 หลัง พบว่าเป็นชื่อของ “เฮีย ต.” เป็นผู้ขอใช้ไฟฟ้าทั้งหมด
ชุดปฏิบัติการ PCT เตรียมออกหมายเรียก “เฮีย ต.” และภรรยา มาให้ข้อมูลถึงการครอบครองบ้านทั้ง 5 หลังในเร็วๆ นี้ และหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่ PCT จะตรวจสอบที่มาของเงิน ที่นำมาซื้อบ้านทั้ง 5 หลังนี้ ว่าเป็นเงินที่ได้มาอย่างถูกกฎหมายหรือไม่ และเหตุใดถึงต้องซื้อแล้วให้บุคคลอื่นมาพักอาศัย พร้อมทั้งจะยื่นสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ว่ามีการรับของเกิน 3,000 บาท จากบุคคลอื่นหรือไม่ ซึ่งหากจำเป็นต้องรับทรัพย์สินมูลค่าสูง ตามกฎหมายแล้วจะต้องแจ้งผู้บังคับบัญชาใน 30 วัน หากฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุก 3 ปี ปรับ 60,000 บาท