25 กันยายน 2566 จากกรณีเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พลตำรวจโท ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.กมค. พร้อมด้วยกำลังตำรวจไซเบอร์ ได้นำหมายค้นเข้าตรวจสอบบ้านพักของ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ภายในหมู่บ้าน ซอยวิภาวดี 60 ซึ่งอยู่ด้านหลังสโมสรตำรวจ หลังพบคนใกล้ชิดมีส่วนเกี่ยวข้อง พ.ร.บ.การพนัน
การตรวจค้นในวันนี้เป็นการปิดล้อม 30 จุดในพื้นที่ 6 จังหวัด เพชรบุรี -สมุทรปราการ-กรุงเทพ - ขอนแก่น-อุดรธานี และสระบุรี แก๊งพนันออนไลน์หมายจับ 11 ผู้ต้องหา โดยผู้ต้องหามีทั้งพลเรือน และตำรวจ มีรายงานว่า 2 ในตำรวจที่เกี่ยวข้อง เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน ยศ“พล.ต.ต.” และ พนักงานสอบสวน ยศ “พ.ต.อ.” ของ รอง ผบ.ตร. คนหนึ่ง
กระทั่งในเวลาไม่นาน ชื่อของ "บิ๊กโจ๊ก" ปรากฎในสื่อฯว่า คือ รองผบ.ตร. คนดังกล่าว ซึ่งเป็นที่ทราบกันว่า "บิ๊กโจ๊ก" ทำคดีดังๆหลายคดี อาทิ กำนันนกยิงสารวัตรศิว, คดีแอมไซยาไนด์ รวมทั้งคดี "ทุนจีนสีเทา"
ขณะตำรวจขอเข้าตรวจค้น พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล ซึ่งอยู่ในสภาพชุดนอน เสื้อยืดแขนสั้น กางเกงขาสั้น ได้ออกมายืนที่บริเวณหน้าบ้านพัก พร้อมกับอ่านรายละเอียดในการขอเข้าตรวจค้น
ต่อมา พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รักษาราชการแทน ผบก.ทล. ได้เดินทางมายังบ้านพักของพลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล โดย บิ๊กโจ๊กได้นำตรวจค้นบ้านทั้ง 5 หลัง โดยไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
เปิดประวัติ "บิ๊กโจ๊ก" แคนดิเดต ผบ.ตร.
พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล ปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เกิดที่ อ.สะเดา จ.สงขลา เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2513 เป็นบุตรของ นายดาบตำรวจ ไสว และ นางสุมิตรา หักพาล สมรสกับ ดร.ศิรินัดดา (สกุลเดิม พานิชพงษ์)
"บิ๊กโจ๊ก" สำเร็จการศึกษาในชั้นอนุบาล โรงเรียนกลับเพชรศึกษา ซึ่งมารดาเป็นครูสอนอยู่โรงเรียนนี้ สำเร็จการศึกษาในชั้นประถม โรงเรียนวิเชียรชม สำเร็จการศึกษาในชั้น มัธยมศึกษาจากโรงเรียนมหาวชิราวุธ และโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 31
ระดับชั้นปริญญาตรี
ระดับปริญญาโท
ระดับปริญญาเอก
ปัจจุบันกำลังศึกษา คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภาคค่ำ (นอกเวลาราชการ) หลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูงการบริหารงานภาครัฐและกฎหมายมหาชน
นอกจากนี้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ยังจบหลักสูตร และ รับมอบประกาศเกียรติบัตร ผู้สำเร็จการศึกษาหลักสูตร การเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย สำหรับนักบริหารระดับสูง รุ่นที่ 21 (ปปร.21) จาก พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี
เมื่อวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2565 ได้รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่นสถาบันพระปกเกล้า จาก นาย ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ปัจจุบันกำลังศึกษา วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร หลักสูตร ว.ป.อ.ปีการศึกษา 2565
นอกจากนี้ "บิ๊กโจ๊ก" ยังมีบทบาทในตำแหน่งอื่นๆดังนี้
อีกทั้งเคยดำรงตำแหน่งเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ผู้บังคับการตำรวจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และ ผู้กำกับการกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (ดูแลพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ)
เปิดเส้นทางสายตำรวจ
พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ เริ่มต้นรับราชการตำรวจ ยศ "ร.ต.ต." เริ่มรับราชการตำรวจในตำแหน่งรองสารวัตร เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2537 จนได้รับการแต่งตั้งเลื่อนขั้นเป็นสารวัตรในกองวินัย
ต่อมาเป็นสารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 4 กองกำกับการ 5 จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543 และสารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 2 กองกำกับการ 3 จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2545 จนได้รับการโปรดเกล้าฯ เป็นนายตำรวจราชสำนักประจำ เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2546 และเป็นผู้ช่วยนายเวรตำรวจราชสำนักประจำให้กับ พล.ต.อ. วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
ระดับผู้กำกับการ
หลังจากได้รับการเลื่อนขั้นเป็นพันตำรวจเอก พันตำรวจเอก สุรเชษฐ์ ในขณะนั้น ได้รับตำแหน่งผู้กำกับการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทำหน้าที่อำนวยการประจำผู้ช่วยผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนกระทั่งวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2552 จึงได้เป็นผู้กำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์
ต่อมาเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 ได้เป็นผู้กำกับการฝ่ายอำนวยการ 10 กองบังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ในวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2555 ถูกส่งไปเป็นผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ จนได้เลื่อนขึ้นเป็นรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา และทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการณ์ตำรวจภูธรจังหวัดสงขลาส่วนหน้า รับผิดชอบพื้นที่ 4 อำเภอในจังหวัดสงขลาที่เป็น 'พื้นที่สีแดง' เสี่ยงต่อภัยความไม่สงบบริเวณชายแดนภาคใต้
ระดับผู้บังคับการและผู้บัญชาการ
ในวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 พันตำรวจเอก สุรเชษฐ์ ในขณะนั้นได้รับการเลื่อนขั้นเป็นพลตำรวจตรี ในตำแหน่งผู้บังคับการประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำหน้าที่ประสานงานกับนายกรัฐมนตรี รายงานต่อ พล.อ. ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ผู้รับผิดชอบสำนักงานตำรวจแห่งชาติในขณะนั้น หลังจากนั้นทำหน้าที่รักษาการในตำแหน่งนี้มาตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2557
จนในวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ได้เป็นผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว จนกระทั่งวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2559 ได้เป็นผู้บังคับการตำรวจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ จนกระทั่งวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2560 เข้ามาทำหน้าที่รักษาการรองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว จนได้เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2560 จนวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2561 พลตำรวจตรี สุรเชษฐ์ ในขณะนั้นได้รับการเลื่อนขั้นเป็นพลตำรวจโท และได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2562 ได้มีคำสั่งจาก พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติมอบหมาย
ต่อมา พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ออกคำสั่งโอนย้ายมาเป็นข้าราชการพลเรือน สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในตำแหน่งเมื่อวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2562 ปัจจุบันได้โอนย้ายกลับมารับราชการที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว