จ่อเพิ่มข้อหา“แอม ไซยาไนด์” เร่งสอบปากคำ“ปลา”-พี่สาวท้าวแชร์ก้อย
กองปราบฯเร่งประสานเรียกสอบ“ปลา”เหยื่อผู้รอดชีวิต พร้อมพี่สาวก้อยเท้าแชร์ ส่งชุดสอบลงพื้นที่สอบปากคำแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสารพิษ-สารเคมี มุ่งประเด็นจำนวนปริมาณส่งผลถึงชีวิต ประกอบสำนวน เอาผิด“แอม ไซยาไนด์”มั่นใจหลักฐานแน่นหนา จ่อแจ้งอีก 3 ข้อหา โทษหนักถึงประหาร
27 เมษายน 2566 ความคืบหน้า "แอม ไซยาไนด์" ผู้ต้องหาวางยา"ไซยาไนด์" ฆาตกรรมต่อเนื่อง คาดว่ามีผู้เสียชีวิตมากกว่า 10 ราย ซึ่งญาติทยอยออกมาให้ข้อมูลกับตำรวจตรงกันว่า ทุกคนเสียชีวิตหลังจากได้พบกับ นางสรารัตน์ รังสิวุฒาพรณ์ หรือ "แอม" เป็นคนสุดท้าย กระทั่งตำรวจออกหมายจับ แล้วส่งฝากขังต่อศาลไปเมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่ยังพบเหยื่อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามข่าวที่เสนอไปก่อนหน้านี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
- พบเพิ่มอีก 2 ราย เหยื่อ‘แอม ไซยาไนด์’ ที่นครปฐม จ่อชงข้อมูลตำรวจสางคดี
- อีกราย! เหตุเกิดปี 58 แม่สาวกำแพงเพชร เผย ลูกเจอ "แอม" ได้วันเดียว ก่อนเสียชีวิต
- ชุดคลี่คลายคดี เข้าค้นร้านขายยา พี่สาว "แอม ไซยาไนด์" พร้อมเชิญให้ปากคำ ตร.
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.30 น. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีนางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ "แอม" ผู้ต้องหาวางยาฆ่าชิงทรัพย์ น.ส.ศิริพร ขันวงษ์ หรือ ก้อย เท้าแชร์ อายุ 33 ปี ว่า ในวันนี้ได้สั่งการให้ชุดสืบสวน กก.5 บก.ป. เร่งติดต่อประสานไปยัง นางกานติมา แพสอาด หรือ ปลา อายุ 36 ปี เหยื่อผู้รอดชีวิต และ น.ส.นิภาวรรณ ขันวงษ์ หรือ ส้ม อายุ 35 ปี พี่สาวของ น.ส.ศิริพร ผู้ตาย และ นายรพี ชำนาญเรือ แกนนำประชาชนเพื่อประชาชน ผู้ที่พาครอบครัวผู้ตายมาแจ้งความ มาเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนกองปราบ ในฐานะพยานเพื่อสักถามเกี่ยวกับพฤติกรรมแวดล้อม
นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้พนักงานสอบอีกชุดหนึ่งลงพื้นที่สอบปากคำแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสารพิษและสารเคมี เพื่อซักถามรายละเอียดเกี่ยวกับความอันตรายของสารไซยาไนด์ โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับจำนวนปริมาณของสารไซยาไนด์ ที่จะส่งผลให้เกิดอันตรายกับร่างกายจนถึงชีวิต เพื่อนำไปประกอบสำนวนคดีควบคู่พยานหลักฐานผลตรวจสารพิษที่พบในร่างกายของผู้ตาย ทั้งนี้ก็เพื่อให้สำนวนคดีมีความแน่นหนาสามารถมัดตัวผู้กระทำผิดได้
“มั่นใจว่าคดีนี้เรามีพยานหลักฐานแน่นหนามากพอที่จะเอาผิด นางสรารัตน์ หรือแอม ผู้ต้องหาได้ ”
รอง ผบก.ป. กล่าวอีกว่า ณะนี้เองทางพนักงานสอบสวนก็เตรียมที่จะพิจารณาแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ในลักษณะของ อนุข้อกล่าวหา จากเดิมที่เป็นข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง” เพิ่มเป็น “ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองเพื่อประสงค์ต่อทรัพย์” ซึ่งข้อหาทั้งหมดที่ว่านี้ล้วนมีโทษหนักถึงประหารชีวิต และยังเพิ่มข้อหา เอาสารพิษให้ผู้อื่นบริโภค และลักทรัพย์
