24 มีนาคม 2566 ภายหลังนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมายอมรับรับเงินจำนวน 6 ล้านบาท มาจากเว็บพนันออนไลน์ หลัง ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด โพสต์ภาพถุงเงิน พร้อมระบุข้อความ “แฉไป ไถไป” ยืนยันไม่ได้เอาเข้ากระเป๋าตัวเอง แต่ถูกยัดเยียดให้ จึงนำเงินไปบริจาคให้กับ 2 รพ.
ล่าสุด ทนายชื่อดัง ได้โพสต์ภาพหลักฐานภาพชาย 2 คนมีถุงกระดาษวางอยู่ พร้อมระบุเจ้าของเว็บพนัน เอาเงินมาเคลียร์นายชูวิทย์ หากรู้ชื่อนายพลที่เกษียณแล้ว ต้องช็อกทั้งประเทศ และการรับเงินโจรมา บริจาค ความผิดฐานฟอกเงินสำเร็จแล้ว พร้อมเตรียมแฉแบบไม่มีกั๊ก ในสัปดาห์หน้า
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ล่าสุด นายชูวิทย์ ได้ลงพื้นที่รณรงค์ต่อต้านกัญชา ที่ซอยเฉยพ่วง ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นนโยบายของพรรคภูมิใจไทย พร้อมแจกเสื้อยืดให้กับประชาชน ก่อนแถลงข่าวชี้แจงกรณีโรงพยาบาลศิริราช เตรียมดำเนินการคืนเงินบริจาคจำนวน 3 ล้านบาทของ นายชูวิทย์ ที่อาจเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมาย โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมง
นายชูวิทย์ กล่าวภายหลังทำกิจกรรมว่า เมื่อวานนี้มีผู้ใหญ่ในวงการการเมืองที่ตนเคารพ บอกให้หาทางลงได้แล้ว แต่ตนยืนยันจะสู้ต่อไปจนกว่าจะไม่ไหว เพราะยังมีอีก 2 เรื่องที่ตนต้องทำ ไม่เช่นนั้นจะไม่มีใครทำ คือ 1.การรณรงค์เรื่องต่อต้านกัญชาเสรี ซึ่งมีพรรคการเมืองพยายามฟ้องร้องตน ทั้งที่เยาวชนอาจมีแนวโน้ม จะเริ่มเสพกัญชา และไปใช้ยาเสพติดชนิดอื่น
2.การคอรัปชั่น มีการซื้อขายเสียงนักการเมือง ตนจะทำกิจกรรมเช่นนี้ไปตลอด พร้อมยินดีขึ้นศาล ตามวิถีประชาธิปไตย ยืนยันว่า ทั้งหมดนี้ไม่ได้ทำในนามส่วนตัว พร้อมยินดีพลีชีพ
นายชูวิทย์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังได้มอบหมายทนายความ ดำเนินการตามกฎหมาย เพราะมีกระบวนการทำลายล้างตน ลูกตน รวมถึงทรัพย์สิน จึงขอถามกลับไปยัง ทนายตั้ม ว่า สิ่งที่ทำไปนั้น เป็นไปในนาม สารวัตรซัว หรือไม่? เพราะทนายตั้มก็เป็นตัวแทนของเว็บพนันออนไลน์ เช่นเดียวกับ นายสันธนะ ประยูรรัตน์ ที่มักจะออกมาแสดงตัว เวลาตนแฉธุรกิจสีเทา
หาก ทนายตั้ม เก่งจริง ต้องไปฟ้องศาล หรือแจ้งความ ไม่มาใช้สื่อออนไลน์เป็นเครื่องมือ นอกจากนี้ทนายตั้ม กำลังจะทำเว็บพนันกับ สารวัตรซัว ด้วย เรื่องข้อมูลให้สอบถามลูกน้องของนายตำรวจใหญ่
นายชูวิทย์ ยังต่อสายโทรศัพท์ถึง ทนายอนัตตชัย ไชยเดช ในฐานะทนายความของนายชูวิทย์ พร้อมยืนยันจะฟ้องร้อง ทนายตั้ม โดย ทนายอนันตชัย เผยว่า การกระทำของทนายตั้มนั้น ถือว่าผิดมารยาททนายความ และหากยังไม่มีพยานหลักฐานชัดเจนแล้ว นำมาเปิดเผยต่อสาธารณชน ยังถือว่าเข้าข่ายการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา
ส่วนกรณี นายชูวิทย์ นำเงินสีเทาไปบริจาคนั้น ส่วนตัวมองว่า ยังไม่เข้าข่ายการฟอกเงิน เพราะไม่ได้นำไปซื้อทรัพย์สิน อย่างไรก็ตามประเด็นนี้ อาจต้องให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเพิ่มเติม
นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นการบริจาคเงินให้โรงพยาบาลนั้น ยืนยันว่า ไม่ใช่การฟอกเงิน ในเมื่อตนรับกลับมาคืนให้เจ้าของ ไม่ได้นำเงินไปซื้อหรือลงทุนอะไร ส่วนเรื่องที่ดินสุขุมวิทซอย 10 ของตน ที่เคยมีคดีความนั้น ดำเนินการถูกต้อง และเสียภาษีตามกฎหมาย เนื่องจากมีคนวางแผน ให้โดนคดีความ แต่ตนไม่กลัว
“ชูวิทย์” เชื่อ “ทนายตั้ม” รับงานพรรคการเมืองดัง
นายชูวิทย์ ระบุว่า การออกมาเคลื่อนไหวของ "ทนายตั้ม" เป็นการรับงานมา ออกมาในจังหวะที่ตนกำลังเคลื่อนไหว ก็ต้องดูดี ๆ ว่า ตนเคลื่อนไหวเรื่องอะไร การเคลื่อนไหวของตน เป็นการเคลื่อนไหว ที่มีผลต่อ พรรคภูมิใจไทย ในเรื่องของ นโยบายกัญชาเสรี
ดังนั้นการที่ ทนายตั้ม ออกมาโจมตีตนก็ประเมินได้ง่าย ว่าจะต้องเชื่อมโยงกับใครสักคนหนึ่งใน พรรคภูมิใจไทย ซึ่งตนตรวจสอบแล้วว่า เชื่อมโยงกับ "เอก สายไหมต้องรอด" ที่สังกัดพรรคภูมิใจไทย พร้อมกับสื่อใหญ่สื่อหนึ่ง ที่มักชอบปั้นน้ำเป็นตัว ซึ่งตนไม่กลัว เพราะเห็นวิธีการเล่นเกมแบบนี้มาเยอะแล้ว
นายชูวิทย์ กล่าวว่า หลังจากที่ตนออกมาแฉเรื่องพนันออนไลน์ และรถไฟฟ้าสายสีส้ม หรือเรื่องอื่น ๆ จนทำให้กลุ่มคนที่เสียผลประโยชน์ จับมือกันมารุมตนนั้น ขอให้ประชาชนเป็นผู้คิดเอาเองว่า สิ่งที่ตนทำเป็นประโยชน์หรือไม่ และคิดกลับไปว่า คนที่จะมาโจมตีตน ได้ประโยชน์อะไร
หากถามว่ากลัวไหม ผมไม่มีอะไรจะกลัว ถ้าจะกลัวก็ต้องกลัวทุกคนที่ออกมาแฉ ผมพูดเสมอว่า เป็นโจรสีเทา ก็ต้องถามกลับไปว่า คนที่พูดถึงผม กลัวผมหรือไม่