23 มีนาคม 2566 ความคืบหน้า กรณี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ออกมาตั้งโต๊ะแฉ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ในประเด็น “แฉไป ไถไป” รับเงินจากผู้ทำเว็บพนันออนไลน์ และนักธุรกิจผิดกฎหมาย จำนวนหลายล้านบาท ทั้งที่นายชูวิทย์ เป็นคนแฉเรื่องดังกล่าวเองนั้น
ซึ่งภายหลัง นายชูวิทย์ ชี้แจงโต้ “ทนายตั้ม” แย้งมี 2 นายพลตำรวจ ให้เงิน 6 ล้านของสารวัตรซัวจริง ก่อนไปบริจาคให้โรงพยาบาลทั้งหมด เชื่อข้อมูลจากหลาน ประกาศตัดสัมพันธ์ ยันลูกชายไม่เคยรับ 50 ล้าน ถามกลับ ไปรับงานใครมา ย้ำไม่ใช่คนดี ขอประชาชนตัดสินใจเจตนาเอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ล่าสุด รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ ดิลก ภิยโยทัย คณบดี คณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชี้แจงกรณีที่ นายชูวิทย์ ได้บริจาคเงินจำนวน 3 ล้านบาท ให้กับคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่า ให้เป็นไปตามข้อเท็จจริง เพราะการปฏิบัติทางคณะแพทย์ฯ โปร่งใสสามารถตรวจสอบได้ ในส่วนนี้จึงยังไม่มีความรู้สึกอะไร จนกว่าข้อเท็จจริงจะปรากฎ
พร้อมกับอธิบายถึงเรื่องเงินบริจาคว่า เมื่อวันที่ 14 ก.พ. ที่ผ่านมา นายชูวิทย์ ได้มาบริจาคเงินจำนวน 3 ล้านบาท ให้กับคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อสนับสนุนการปรับปรุงห้องปฏิบัติการกายวิภาคศาสตร์ และเพื่อจัดซื้อคุรุภัณฑ์ ส่งเสริมการเรียน การสอน และเมื่อวันที่ 6 ก.ย. 65 นายชูวิทย์ก็ได้มาบริจาค รถควบคุมอุณหภูมิ สำหรับใช้รับร่างอาจารย์ใหญ่ ให้กับสาขากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ด้วย
ส่วนเงินบริจาค ที่ได้มาจากเว็บพนัน รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ ดิลก ระบุว่า ตามธรรมเนียมของบริจาค คือความหวังดีของผู้บริจาค โดยทั่วไปจะมีกิจกรรมแบบนี้สม่ำเสมอ ส่วนจะเป็นเงินสงสัยจากส่วนไหน ไม่ได้เป็นประเด็นที่เราจะไปตัดสิน เราขอยึดหลักของผู้บริจาคก่อน แต่ถ้าทางกฎหมายจะว่ายังไง เราก็จะทำตามกฎหมายที่ออกมาทันที
เมื่อถามว่า ทางคณะแพทย์ มธ. ได้มีการตรวจสอบ คนที่จะมาบริจาคเงินหรือไม่อย่างไร เรื่องนี้ รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ ดิลก กล่าวว่า คนที่มาบริจาค เราไม่ได้มีการตรวจสอบ ส่วนตัวคิดว่า เป็นทุกที่ โดยทั่วไปในสังคมไทย การบริจาคเป็นเรื่องปกติ ที่คนในสังคมจะช่วยกัน โดยเฉพาะในส่วนการสนับสนุนเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เพราะธรรมเนียมปฏิบัติเดิม ไม่ได้มีการเข้าไปตรวจสอบ
ส่วนหลังจากนี้ จะมีการตั้งเกณฑ์ ผู้ที่จะเข้ามาบริจาคหรือไม่ รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ ดิลก ระบุว่า เรื่องนี้อาจจะมีเรื่องของความรู้สึก เบื้องต้นคนส่วนใหญ่ มีวัตถุประสงค์ที่ดี ในเรื่องของการให้ การบริจาค ซึ่งการตรวจสอบ ไม่ได้อยู่ในธรรมเนียมปฏิบัติเดิม แต่คิดว่า จากกรณีของนายชูวิทย์ จะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ก็เป็นเรื่องของอนาคต แต่ถ้าหลักกฎหมายกำหนดอะไรมา เราก็ยินดีปฏิบัติตาม