24 กุมภาพันธ์ 2566 ตำรวจตามแกะรอยคนร้ายคดียาเสพติด ซึ่งอำพรางตัวเป็นต่างชาติ ต้นตอแพร่ระบาด ยาอี หรือ ยาเลิฟ โดยทาง พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศอ.ปส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. หน.ศอ.ปส.ตร. ชุดที่ 5 ร่วมกับชุดสืบสวนเข้าจับกุม นายจีมิน-ซ็อง ชื่อเดิม นายสหรัฐ สว่างแจ้ง อายุ 25 ปี สัญชาติไทย ภูมิลำเนา กทม.
เบื้องต้นถูกแจ้งข้อหา “ร่วมกันนำเข้ายาเสพติดให้โทษประเภท 1 (MDMA) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตและร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (MDMA) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป และสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน”
การจับกุมครั้งนี้ หลังจากได้เบาะแสการแพร่ระบาดหนักของกลุ่มยาเสพติดชนิด ยาอี หรือ ยาเลิฟ (MDMA) เมื่อทำการวิเคราะห์แกะรอยจากข้อมูลคดีการจับกุมยาเสพติดในพื้นที่ จ.กรุงเทพฯ พบเบาะแสแหล่งที่มา ทางด้านพล.ต.ต.ธีรเดชได้นำกำลังชุดสืบสวนลงพื้นที่จนกระทั่งได้เบาะแสว่าแหล่งที่มาของยาเสพติดดังกล่าวคือ “หนุ่มเกาหลี” รูปหล่อรายหนึ่งซึ่งอยู่ในพื้นที่ย่านเขตบางนา กรุงเทพฯ
ชายหนุ่มคนดังกล่าวมีพฤติกรรมสั่งนำเข้ายาเสพติดชนิด ยาอี หรือ ยาเลิฟ (MDMA) โดยสั่งนำเข้ามาทางพัสดุไปรษณีย์ทางอากาศ จากประเทศแถบทวีปยุโรป โดยทำมาอย่างต่อเนื่องหลายครั้ง มักใช้บุคคลที่ตัวเองรู้จักผ่านทางเฟซบุ๊กให้คอยรับส่งพัสดุยาเสพติดดังกล่าวให้ โดยที่ตัวเองจะไม่สัมผัสกับยาเสพติดโดยตรง
ต่อมา พล.ต.ต.ธีรเดช ได้สืบสวนจนกระทั่งสามารถยืนยันตัวตนของหนุ่มเกาหลีรายนี้ได้ คือ นายจีมิน ซ็อง ซึ่งแท้จริงเป็นคนสัญชาติไทย แต่จงใจเปลี่ยนชื่อให้เหมือนคนเกาหลี โดยมีชื่อเดิมว่า นายสหรัฐ สว่างแจ้ง อายุ 25 ปี โดยที่ผ่านมาได้เปลี่ยนแปลงใบหน้าด้วยการศัลยกรรมไปจนกลายเป็นคนละคน ไม่เหลือเค้าโครงเดิม (Face off)
เมื่อตรวจสอบพบว่า นายจีมิน-ซ็อง เป็นบุคคลตามหมายจับ เคยถูกพนักงานสอบสวน บช.ปส. ออกหมายจับไว้ตามหมายจับศาลอาญาที่ 626/2565 ลงวันที่ 2 ธ.ค. 65 ในคดีที่เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรได้ตรวจพบยาเสพติดยาอี หรือ ยาเลิฟ (MDMA) แบบผลึกสีขาวขุ่น น้ำหนัก 2,575 กรัม และ แบบเม็ดยาจำนวน 290 เม็ด ที่แอบบรรจุมาในพัสดุ “กล่องจิ๊กซอว์” เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 65 โดยมีแผนประทุษกรรมลักษณะเดียวกัน
นายจีมีน ซ็อง ถือได้ว่ามีความระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ เจ้าหน้าที่ใช้เวลาสืบสวนติดตามมาเป็นเวลาเกือบ 3 เดือน แต่ยังไร้ร่องรอย จนกระทั่ง ตำรวจได้ใช้อุบายเสนอตัวผ่านทางเฟซบุ๊ก เพื่อสมัครเป็น “เป็นเด็กส่งของ” ให้กับ นายจีมิน-ซ็อง จนพบว่าที่อยู่ภายในคอนโดหรูแห่งหนึ่ง ย่านเขตบางนา
ต่อมาทางด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. และ ศอ.ปส.ตร. ชุดที่ 5 นำหมายค้น เข้าตรวจค้นห้องพักในคอนโดนดังกล่าว และพบนายจีมิน-ซ็อง อยู่ในห้องพัก จึงเข้าจับกุม และตรวจยึดของกลางโทรศัพท์ 2 เครื่อง ซึ่งใช้ในการติดต่อสั่งนำเข้ายาเสพติดจากต่างประเทศ และตรวจยึดทรัพย์สินอีกจำนวน 22 รายการ
เบื้องต้น นายจีมิน ซ็อง รับสารภาพว่า บ้านเดิมอยู่ย่านบางกอกน้อย ต่อมาเปลี่ยนเป็นชื่อเกาหลี เพราะอยากย้ายไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ประเทศเกาหลีใต้ เนื่องจากเบื่อหน่ายชีวิตในประเทศไทย โดยมีความสามารถพูดภาษาเกาหลีได้เพียงเล็กน้อย และยังออกเสียงไม่ได้
ส่วนที่หันมาค้ายาเสพติดนั้น เป็นเพราะเคยเข้าไปศึกษาในดาร์คเว็บและแชทพูดคุยกับคนในดาร์คเว็บ โดยไม่รู้จักชื่อและตัวตนจริง ผ่านทางหลายเว็บไซต์ เช่น คิงดอม, โบคีเมีย เป็นต้น และมีการซื้อขายจ่ายเงินกันผ่านทางคริปโตเคอเรนซี่
“มีคอนเนคชั่นนำเข้ายา MD หรือยาอี จากทั่วโลก แต่ที่ประสานงานดีที่สุดคือ ประเทศเนเธอร์แลนด์ ใช้วิธีนำเข้าส่งพัสดุตามปกติ และยังสามารถเล่นแร่แปรธาตุ แปลงยา จากน้ำเป็นก้อน จากก้อนเป็นน้ำได้ โดยศึกษาวิธีการจากอินเทอร์เน็ต ก่อนจะถูกจับได้สั่งยาอีเตรียมเข้ามาในไทย จำนวนหลายสิบกิโลกรัม แต่มาถูกจับก่อน”
สำหรับการจับกุมครั้งนี้ เป็นผลมาจากที่ลูกน้องของนายจีมิน-ซ็อง เกิดพลาดท่าไม่ได้ทำตามแผนที่มีการสั่งการกันไว้ ทำให้ถูกเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร ตรวจสอบพบยาอีที่ส่งพัสดุเข้ามาจำนวน 2.5 กิโลกรัม และไม่คิดว่าตัวเองจะถูกออกหมายจับในคดีนี้ ตร.คุมตัวส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.1 บช.ปส. เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
พล.ต.ต.ธีรเดชยอมรับว่า คนร้ายรายนี้เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในต้นตอสำคัญ ของการแพร่ระบาดของ ยาอีและยาเลิฟ ในพื้นที่กรุงเทพ และ ปริมณฑล ตำรวจได้ติดตามตัวมาเป็นเวลาเกือบ 3 เดือน ทำให้รู้ว่าคนร้ายรายนี้รู้จักวิธีการตัดช่องทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี และมีการศัลยกรรมเปลี่ยนแปลงใบหน้า เพื่ออำพรางการติดตามจากเจ้าหน้าที่
นอกจากนี้ยังพบว่าคนร้ายรายนี้มีอายุเพียง 25 ปี แต่สามารถเป็นระดับหัวของการนำเข้ายาเสพติดจากทางยุโรปได้ น่าเชื่อว่าจะมีผู้ที่คอยให้การสนับสนุนอยู่ในต่างแดน ซึ่งจะต้องมีการขยายผลให้ถึงที่สุด เพราะปัญหายาเสพติด เป็นปัญหาระดับชาติ เป็นปัญหาเรื้อรัง จึงขอเตือนไปยังเหล่าผู้ค้ายาเสพติดทั้งหลายว่า หากยังยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดไม่ว่าอย่างไรก็ต้องถูกจับกุม และชีวิตจะต้องไม่มีความสุข