"อิคคิว"หอบคลิปลับแฉ"ครูบาไก่" ร้องสอบสวนกลาง จี้สอบเส้นทางการเงิน

17 มกราคม 2566 ความคืบหน้ากรณี "ครูบาไก่" ถูกกล่าวหาประเด็นชู้สาวกับเด็กหนุ่ม ล่าสุดที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง น.ส.วาสนา เคลือบสูงเนิน หรือ อิคคิว โยมอุปัฏฐาก ที่เคลื่อนไหวออกมาแฉพฤติกรรม พระอาจารย์สุวิทย์ ชินวโร หรือ "ครูบาไก่" ประธานที่พักสงฆ์วัดป่าปฐมเทวาบูรพาราม อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น พร้อมด้วยพยานปากสำคัญรวม 4 คน เดินทางนำเอกสารหลักฐานสำคัญ เข้ามาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เพื่อให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของ"ครูบาไก่"

น.ส.วาสนา เคลือบสูงเนิน หรือ อิคคิว ระบุว่า การเดินทางมาในวันนี้ได้นำหลักฐานเด็ดเป็นคลิปลับ ที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน ซึ่งเป็นคลิปที่ครูบาไก่ Video Call โชว์ของลับคุยกับเด็กหนุ่ม


นอกจากนี้ อิคคิว ยังนำหลักฐานแชทข้อความโดยอ้างว่าเป็นของ ครูบาไก่กับชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งเป็นลักษณะการส่งรูปอวัยวะเพศให้ครูบาไก่ เพื่อขอแลกเงิน โดยชายหนุ่มคนดังกล่าวได้เงินไปทำธุรกิจส่วนตัวและจ่ายค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรถยนต์

ส่วนนายต้อง (นามสมมติ) พยานบุคคลที่ "อิคคิว" พามาแจ้งความ เปิดเผยว่า เคยเป็นอดีตลูกศิษย์ที่เคยอยู่ในกุฏิร่วมกับครูบาไก่ ซึ่งมักพบเห็นพฤติกรรมของครูบาไก่ชอบดูรูปเด็กหนุ่มและเรียกเด็กหนุ่มมาหาเป็นการส่วนตัว

นอกจากนี้มีหลักฐานว่าครูบาไก่มีพฤติกรรมกับเด็กหนุ่มนอกจากกับบุคคลที่เป็นข่าว รวมถึงพระในวัดที่เป็นเพื่อนสนิทของพยานที่มาพบตำรวจวันนี้ด้วย ซึ่งปัจจุบันพระรูปนี้ ได้หลบหนีไปอยู่วัดอื่น หลังครูบาไก่ตกเป็นข่าว

ขณะที่ น.ส.คมคาย (สงวนนามสกุล) หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า วันนี้เข้ามาร้องเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินคดี และตรวจสอบเส้นทางการเงินของครูบาไก่ ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ใช้เงินตรงตามวัตถุประสงค์ที่ประการแจ้งต้องศิษยานุศิษย์หรือไม่ หลังพบหลักฐานบางอย่างว่ามีการโอนเงินไปยังบัญชีบุคคลภายนอก เพื่อใช้จ่ายในการส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับกิจการของวัด

“เรามีหลักฐานแชทการพูดคุยของครูบาไก่ กับชายผู้รับโอนเงินคนดังกล่าว และอยากให้ตำรวจ ตรวจสอบว่าทองคำน้ำหนัก188บาท ที่รับบริจาคยังอยู่ครบหรือไม่”

นอกจากนี้ น.ส.คมคาย ยังระบุว่า ที่ผ่านมาพยายามถอนตัวออกไปอย่างเงียบๆ แต่ครูบาไก่กลับออกมาระบุว่า กลุ่มตนขโมยกฐินของวัดไป ซึ่งยืนยันไม่เป็นความจริง และเขายังปฏิเสธว่าไม่รู้จักพวกตนมาก่อน ทั้งๆที่ตนเคยนำเงินจำนวน 3 แสนบาทไปถวายให้ครูบาไก่ด้วยตัวเอง อีกทั้งตนยังเป็นคนไปซื้อทองที่ร้านทองใน จ.ขอนแก่น

“ในวันดังกล่าวครูบามีเงินไม่พอที่จะซื้อทองไปสร้างพระ ฉันถอดสร้อยคอทองคำหนัก 20 บาท จำนำกับร้านทอง เพื่อนำเงินไปซื้อทองให้ครูบานำไปทำพิธี โดยระบุชัดเจนว่าหลังทำพิธีเสร็จให้ถอนเงินมาไถ่ทองให้ด้วย ”

ส่วนสาเหตุที่ต้องมาแจ้งความกับกองปราบปราม เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้ได้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ สำนักพุทธศาสนา จังหวัดขอนแก่นมาแล้ว แต่ทางสำนักพุทธได้ยุติการตรวจสอบโดยอ้างว่าเนื่องจากทางครูบาไก่แจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มตนจึงต้องยุติการตรวจสอบชั่วคราว แต่ตัวเองเกรงว่าเรื่องดังกล่าวจะเงียบหายไป ทำให้ไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงต้องร้องต่อตำรวจกองปราบปรามให้ดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้แทน

ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าสิ่งที่พูดมาเป็นความจริงทั้งหมด เพราะมีหลักฐานชัดเจน อย่างไรก็ตามเรื่องนี้จะดำเนินคดีกับครูบาไก่ให้ถึงที่สุด และจะจัดหนักในทุกข้อหาที่สามารถทำได้ พร้อมฝากถึงทนายความของครูบาไก่ว่า ไม่ได้ล่วงเกินพระพุทธศาสนา ตามที่ถูกกล่าวอ้าง แต่มีปัญหาเฉพาะบุคคลเท่านั้น เพราะกระทำการไม่ถูกต้อง