svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

เหยื่อเสี่ยขับเบนท์ลีย์ เผย ยังไม่ได้คำขอโทษ ด้าน คู่กรณียอมชดใช้ทั้งหมด

เหยื่อนักธุรกิจขับ เบนท์ลีย์ ลั่นยังไม่ได้ยินคำขอโทษจากปากคู่กรณี-ข้องใจทำไมไม่เป่าวัดแอลกอฮอล์ หลัง ตร.เรียกตัวแทนเจรจาไกล่เกลี่ยบนโรงพัก ด้าน ฝ่ายคู่กรณีส่งทนายเข้าพูดคุย ยอมชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด

9 มกราคม 2566 พ.ต.ท.พิเชษฐ์ ก้อนแพง รองผู้กำกับการ (สอบสวน) งานศูนย์ควบคุมจราจรด่วน 1 กก.2 บก.จร.ได้นัดผู้เสียหายคดีถูกรถยนต์หรู ยี่ห้อเบนท์ลีย์ ที่มีนายสุทัศน์ (สงวนนามสกุล) เป็นคนขับชนจนได้รับความเสียหาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย เข้าเจรจาไกล่เกลี่ยกับคู่กรณี ที่สน.ทางด่วน 1 โดยฝ่ายผู้ก่อเหตุได้ส่งทนายมาเป็นตัวแทนเจรจาครั้งนี้

นายอภิชาติ อุดม ประธาน อพปร.เขตบางรัก หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า จากการพูดคุยของทนายความฝั่งคู่กรณี ก็ยังคงยืนยันว่าจะรับผิดชอบต่อค่าเสียหายที่เกิดขึ้น โดยจะซื้อรถคันใหม่ให้ เนื่องจากตนทำงานด้านสาธารณภัย สิ่งที่ต้องการคือ รถที่มีสมรรถนะดี เพื่อจะได้ไปช่วยเหลือสังคมต่อได้

ขณะที่ นายอิทธิพล ประสงทรัพย์ อายุ 35 ปี เจ้าหน้าที่อาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยมัสยิดฮารูณ คนขับรถ อพปร. กล่าวว่า อาการตอนนี้เหลือแค่อาการปวดตามร่างกาย ส่วนการรักษา ก็แค่ต้องล้างแผล โดยตั้งแต่วันเกิดเหตุ ยังไม่เคยได้ยินคำขอโทษ จากผู้ก่อเหตุหรือแม้แต่จะโทรมาถามอาการ ตอนนี้ต้องการให้ตัวคู่กรณีออกมาพูดให้ความกระจ่างกับเรื่องที่เกิดขึ้น ต่อหน้าสื่อมวลชน ว่าทำไมถึงไม่ยอมเป่าแอลกอฮอล์

เหยื่อเสี่ยขับเบนท์ลีย์ เผย ยังไม่ได้คำขอโทษ ด้าน คู่กรณียอมชดใช้ทั้งหมด

ด้าน น.ส.ธนานิษฐ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี หนึ่งในผู้โดยสารที่อยู่ในรถยนต์ปาเจโร่ เล่าว่า วันเกิดเหตุ ตนและครอบครัว อยู่ระหว่างเดินทางกลับบ้านที่ จ.บึงกาฬ โดยมีนายศราวุธ พี่เขยเป็นผู้ขับขี่ และมีพ่อของพี่เขย นั่งอยู่เบาะหน้า ข้างคนขับ ถัดมาที่เบาะหลังคือแม่ของพี่เขย ลูกชาย 4 ขวบ และพี่สาว ส่วนตนเองนั่งอยู่เบาะหลังสุด

ขณะที่รถกำลังวิ่งเลนกลาง ก็รู้สึกว่าโดนกระแทกจากด้านหลังอย่างแรง จนรถหมุน จากนั้น ตนจึงตั้งสติเอื้อมมือไปคว้าตัวลูกชายไว้ และรถก็โดนชนอย่างแรงอีกครั้งจนพลิกคว่ำตีลังกา เมื่อรถหยุดนิ่ง ตนจึงรีบอุ้มลูกออกจากรถ เนื่องจากเกรงว่าไฟจะลุกไหม้รถ ก่อนเจ้าหน้าที่จะนำตัวส่งโรงพยาบาล

โดยอาการของตน ตอนนี้มีอาการปวดที่คอร้าวไปถึงไหล่ ต้องใส่เฟือกที่คอ ส่วนพ่อของพี่เขย เพิ่งผ่าตัดแขนเสร็จ ก็ยังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จึงอยากเรียกร้องให้คู่กรณีรับผิดชอบ เยียวยาค่ารักษาพยาบาล และเยียวยาผลกระทบที่มีต่อจิตใจของคนในครอบครัว โชคดีที่ระหว่างเกิดเหตุลูกชาย 4 ขวบหลับอยู่ ไม่อย่างนั้นอาจเกิดภาพจำส่งผลให้กระทบกระเทือนต่อจิตใจ ไม่กล้านั่งรถอีกต่อไป ตอนนี้ยอมรับว่า ก็ยังไม่มั่นใจว่าจะได้รับการเยียวยาตามที่เรียกไปหรือไม่ เพราะที่ผ่านมายังไม่เคยได้รับคำขอโทษ หรือการเเสดงความรับผิดชอบจากคู่กรณีเลย

 

"ส่วนตัวติดใจอยู่สองเรื่อง เรื่องแรกตั้งแต่เกิดเหตุทางคู่กรณียังไม่เคยติดต่อมาพูดคุย หรือส่งตัวแทนมาถามสารทุกข์สุกดิบ หรือขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม้แต่ครั้งเดียว ส่วนอีกเรื่องอยากถามว่า ทำไมคู่กรณีถึงไม่ยินยอมเป่าแอลกอฮอล์ หรือออกมาพูดต่อหน้าสื่อมวลชน ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร" น.ส.ธนานิษฐ์ กล่าว

 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ตัวแทนของ นายสุทัศน์ เดินทางเข้าเจรจาไกล่เกลี่ยกับทางคู่กรณีใช้เวลา 1 ชั่วโมง จากนั้น พยายามหลบเลี่ยงสื่อมวลชน และไม่ขอตอบคำถาม มีเพียงพูดว่า “ไม่รู้เรื่องเป็นเพียงแค่ตัวแทนมาพูดคุย” ก่อนเดินทางกลับทันที