svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

อัยการจ่อเเจ้งข้อหาฟอกเงิน "ตู้ห่าว" เพิ่มเติม มั่นใจพยานหลักฐานเอาผิดได้

อัยการแถลงจ่อเเจ้งข้อหาฟอกเงิน "ตู้ห่าว" เพิ่มเติม มั่นใจพยานหลักฐานเอาผิดได้ทุกข้อหา ส่ง "เมียตู้ห่าว" กับพวก ฝากขังค้านประกัน พร้อมรวบรวมพยานหลักฐานขอหมายจับผู้ต้องหาอีก 1 ชุด ก่อนสิ้นปี ด้านชูวิทย์ ร่วมฟังแถลงข่าว ยืนยันไม่ได้หิวแสง-หรือหวังผลทางการเมือง

26 ธันวาคม 2565 เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการอาคารเอ ถ.แจ้งวัฒนะ นายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานการสวบสวน พร้อมด้วยนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน และในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมกันแถลงความคืบหน้าคดี นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว กับพวก

นายโกศลวัฒน์ กล่าวว่า
ตามที่อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งมอบหมายพนักงานสอบสวน โดยให้พนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล, กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด, กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทำการสอบสวน, และพนักงานอัยการ สำนักงานการสอบสวน สำนักงานคดียาเสพติด สำนักงานต่างประเทศ ร่วมสอบสวนกับพนักงานสอบสวน และให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบในคดีนายตู้ห่าว กับพวก
อัยการจ่อเเจ้งข้อหาฟอกเงิน \"ตู้ห่าว\" เพิ่มเติม มั่นใจพยานหลักฐานเอาผิดได้
เพื่อให้การดำเนินการสอบสวนเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด ได้มีการจัดตั้งศูนย์อำนวยการสอบสวน ปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันระหว่างพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการ ในทุกขั้นตอนเกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวน และให้ปฏิบัติงานโดยไม่มีวันหยุดเพื่อให้ สำนวนการสอบสวนเสร็จในกรอบระยะเวลา สำนักงานการสอบสวนและสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ร่วมกันตรวจพยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนรวบรวมมาฝ่ายเดียวก่อนที่อัยการสูงสุดจะมอบหมายให้พนักงานอัยการเข้าร่วมสอบสวน 

พิจารณากำหนดแนวทางแผนงานเกี่ยวกับการสอบสวนโดยกำหนดกรอบระยะเวลาให้การสอบสวนเสร็จเสนออัยการสูงสุดพิจารณาให้ทันครบกำหนดฝากขังผู้ต้องหา โดยดำเนินการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติม และได้เสนอขอให้ศาลอาญากรุงเทพใต้ ออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมจากผู้ต้องหากลุ่มเดิมที่ถูกจับกุมแล้ว อีกจำนวน 15 หมาย และจับกุมตามหมายจับได้ 10 คน ได้สอบสวนแจ้งข้อหาผู้ต้องหาในแต่ละฐานความผิด

จับเครือข่าย "ตู้ห่าว" 10 ราย

และเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำตัวผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ จำนวน 10 ราย ประกอบด้วย นายสิทธิไพบูลย์ คำนิล, นางพัชรินทร์ อิทธิวัฒนา, นายสิทธิพงษ์ ถือสัตย์เที่ยง, นายชุติพนธ์ จันทร์ชัยธนาธิป, นางวัทนารีย์ กรณ์ชายานันท์, นางสุรัสวดี ทองเพิ่มพลอย, นายพีรพัฒน์ ทองเพิ่มพลอย, นายสิทธิกร ประภาจรัสวงศ์, นายฉัตรชัย ลาภอำนวยเจริญ, และ นายณัฐวุฒิ ศรีออน

ซึ่งพนักงานอัยการและพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวน และแจ้งข้อหาผู้ต้องหาในแต่ละฐานความผิด ดังนี้ ฐานสมคบโดยการตกลงกันขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด และได้มีการกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน โดยการกระทำมีลักษณะเป็นการกระทำขององค์กรอาชญากรรม (ในการกระทำความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายโดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการมีไว้เพื่อจำหน่ายฯ, ร่วมกันจำหน่ายโดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าฯ, 

สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน, ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงอันเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, มีส่วนร่วมกระทำการใด ๆ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในกิจกรรมหรือการดำเนินการขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยรู้ถึงวัตถุประสงค์และการดำเนินกิจกรรมหรือโดยรู้ถึงเจตนาที่จะกระทำความผิดร้ายแรงขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติดังกล่าว โดยจะมีการสอบสวนขยายผลดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดต่อไป

เตรียมแจ้งข้อหา "ฟอกเงิน" นายตู้ห่าว

นายกุลธนิต กล่าวว่า ตอนนี้การสอบสวนยังไม่เสร็จอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน แต่หลักฐานที่มีในตอนนี้ขอศาลออกหมายจับเพิ่มเติมแล้ว 15 ราย ซึ่งเป็นพยานหลักฐานที่ชัดเจน เราจึงกล้าขอศาลออกหมายจับ แต่เราก็ยังมีการสอบสวนขยายผล โดยผู้ต้องหาชุด 15 คนที่ขอศาลออกหมายจับล่าสุด แต่ละคนความผิดจะแตกต่างออกไป แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ1.กลุ่มฟอกเงินอย่างเดียว 2.กลุ่มสมคบกันฟอกเงิน สมคบกันทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และองค์กรความผิดข้ามชาติ โดยขณะนี้เรายังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาอย่างน้อยอีก1ชุด ซึ่งคาดว่าจะขอศาลออกหมายจับได้อีกก่อนสิ้นปีนี้

อัยการจ่อเเจ้งข้อหาฟอกเงิน \"ตู้ห่าว\" เพิ่มเติม มั่นใจพยานหลักฐานเอาผิดได้

ในส่วนของนายตู้ห่าว มีพยานหลักฐานชัดเจนแล้วว่าเข้าข่ายกระทำผิดฐานฟอกเงิน โดยจะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในเรือนจำภาย 1-2 วันนี้ ในส่วนการตามยึดทรัพย์สินนั้น เป็นความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดซึ่งเป็นมูลฐานในข้อหาฟอกเงิน ได้มีการแจ้งไปยังคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์ของ ป.ป.ส. จะแยกส่วนต่างหากจากคดีอาญา เป็นขั้นตอนหนึ่งที่จะยื่นขอให้ศาลยึดทรัพย์สินที่อยู่อำนาจขอ ป.ป.ส. ส่วนเราในฐานะพนักงานสอบสวนอาจจะประสานข้อมูลเข้ามาในสำนวนได้ หากเมื่อเราแจ้งฟอกเงินแล้ว ในขณะนี้ไม่ต้องประสาน ปปง. เราสามารถแจ้งข้อหาได้เลย 

สถานะคดีถือเป็นคดีนอกราชอาณาจักร

กรณีที่ดีเอสไอแถลงว่าจะรับคดีของตู้ห่าว เป็นคดีพิเศษจากความผิดฐานฟอกเงิน เท่าที่ทราบข่าว มีการไปร้องว่ามีการกระทำความผิด ให้ดีเอสไอสอบสวนในการกระทำความผิดของกลุ่มบุคคลนี้ เข้าใจว่าทางดีเอสไอก็กำลังพิจารณา ถ้าดีเอสไอเห็นว่าการกระทำของคนกลุ่มนี้เป็นความผิดนอกราชอาณาจักร ทางดีเอสไอจะไม่มีอำนาจสอบสวน คดีจะต้องเสนอให้ อสส.พิจารณา ว่าจะดำเนินการสอบสวนเอง หรือมอบหมายพนักงานสอบสวนที่ใดเป็นผู้สอบสวน ตอนนี้สถานะคดีถือว่าเป็นคดีนอกราชอาณาจักรแล้ว

ส่วนเรื่องการติดตามพยานหลักฐานที่อยู่ต่างประเทศ ก็จะมีการขอความร่วมมือทางอาญาระหว่างประเทศ แต่ก็อาจจะต้องใช้ระยะเวลา เนื่องต้องประสานงานมายังสำนักงานอัยการต่างประเทศเพื่อส่งไปประเทศที่เราขอพยานหลักฐาน ซึ่งเราพบว่าคดีนี้มีการทำธุกรรมระหว่างประเทศ

ถามว่ากรณีมีบุคคลนำเอกสารหลักฐานนำมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน ทำให้ฝ่ายจำเลยอาจจะรู้ตัว แล้วจะกระทบรูปคดีหรือไม่ นายกุลธนิต กล่าวว่า เป็นการสอบสวนอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งพ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556 มีระบุไว้ถึงการสอบสวนที่จะต้องใช้วิธีพิเศษ การที่มีการนำเอกสารมาเผยแพร่และกระทบรูปคดีทำเกิดความเสียหาย อาจเข้าข่ายการกระทำความผิดขัดขวางกระบวนการสืบสวนสอบสวน ตามมาตรา 26

ภรรยาตู้ห่าว ถูกดำเนินคดีข้อหาฟอกเงิน 

ถามว่าภรรยานายตู้ข่าวถูกแจ้งข้อหาใดบ้าง นายกุลธนิต กล่าวว่า ขณะนี้ภรรยาตู้ห่าวโดนตั้งข้อหาเฉพาะเรื่องฟอกเงิน แต่การสอบสวนยังไม่หยุด ถ้าภายหลังพบว่ามีส่วนร่วมกับยาเสพติด หรือองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ก็สามารถแจ้งข้อหาเพิ่มเติม โดยวันนี้พนักงานสอบสวนจะนำผู้ต้องหาไปยื่นคำร้องฝากขังศาลอาญากรุงเทพใต้ พร้อมคัดค้านการประกันตัว ส่วนผู้ต้องหาจะได้ประกันตัวหรือไม่ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล กรณีนี้มีการจับกุมผู้ต้องหาหลายคนไม่พร้อมกัน ระยะเวลาการฝากขังจะครบกำหนดไม่เท่ากัน กรอบตอนนี้เราจะสรุปสำนวนส่งอัยการสูงสุดก่อนครบฝากขังครั้งที่ 6 ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมดจะครบกำหนดในวันที่ 8 มกราคม 2566 ตอนนี้เรารวบรวมพยานมาได้นับ 100 ปากแล้ว ส่วนจะขึ้นสู่ศาลเมื่อไรต้องพิจารณาอีกครั้ง

คดีนี้ตั้งแต่อัยการสูงสุดมอบหมายตั้งคณะทำงานและพนักงานสอบสวนร่วมกันทำงานก็มีการร่วมกันดูคดีตลอด และพนักงานอัยการที่มีมากพอสมควรได้ร่วมกันพิจารณาพยานหลักฐานจากตำรวจที่ทำมาในตอนแรก ว่าเพียงพอที่จะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง จนได้พยานหลักฐานพยานเอกสารเพิ่มเติมมากยิ่งขึ้น ผู้ต้องหาที่แจ้งข้อหาไปเมื่อวานก็มีการปฏิเสธและจะทำคำให้การมายื่นในภายหลังซึ่งผู้ต้องหาทุกคนมีทนายมาร่วมฟัง

อัยการจ่อเเจ้งข้อหาฟอกเงิน \"ตู้ห่าว\" เพิ่มเติม มั่นใจพยานหลักฐานเอาผิดได้

ผบ.ตร. ถอนตัวร่วมแถลงข่าวกระทันหัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามกำหนดการเดิม พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และพล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. จะมาร่วมแถลงข่าวกับอัยการด้วยนั้น แต่เมื่อมาถึง กลับถอนตัวกระทัน ก่อนที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ จะเข้าร่วมสังเกตการณ์การแถลงข่าวในครั้ง คาดว่าเพื่อลดการเผชิญหน้า เนื่องจากกำลังตกเป็นประเด็นที่ถูกนายชูวิทย์ กล่าวหา

"ชูวิทย์" ร่วมฟังแถลงข่าว ยืนยันไม่ได้หิวแสง หรือหวังผลทางการเมือง

ขณะที่นายชูวิทย์ ได้ฟังการแถลงข่าวของอัยการสูงสุด ก่อนจะตั้งคำถามในช่วงท้ายของการแถลง เกี่ยวกับการรวบรวมพยานหลักฐานของตำรวจ และการประสานการทำงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีปัญหา ซึ่งนายกุลธนิต กล่าวตอบว่า อัยการไม่ได้รับสำนวนจากตำรวจมาเพียงอย่างเดียว แต่ยังได้ตรวจสอบพยานหลักฐานทั้งหมด เพื่อความถูกต้อง ครบถ้วน เพื่อคลี่คลายประเด็นสงสัยต่าง ๆ แล้ว และมีการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมในอีกหลายส่วน ซึ่งปัจจุบันมีพยานมากกว่า 100 ปาก มีการออกหมายจับเพิ่มเติมนอกเหนือจากสำนวนแรก ดังนั้นจึงยืนยันว่าจะดำเนินการสอบสวนต่อเนื่อง ขอให้ทุกคนมั่นใจในการทำงาน
อัยการจ่อเเจ้งข้อหาฟอกเงิน \"ตู้ห่าว\" เพิ่มเติม มั่นใจพยานหลักฐานเอาผิดได้
นายชูวิทย์ เปิดเผยหลังการแถลงข่าวว่า ที่ตนเองออกมาเรียกร้องในครั้งนี้ ยืนยันไม่ได้หิวแสง และไม่ได้หวังผลทางการเมือง โดยตนเองจะเรียกร้องงานนี้เป็นงานสุดท้าย แม้ไม่ได้มีหน้าที่ในเรื่องนี้ แต่ก็ใช้สิทธิ์ในฐานะประชาชน เพราะแม้อัยการจะมีความสามารถ แต่ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา และอำนาจ ก็อาจทำให้แก้ปัญหาสำนวนคดีนี้ไม่ได้

พร้อมชี้ว่าหน่วยงานของรัฐที่มีปัญหาอยู่ในขณะนี้ ก็คือ หน่วยงานของตำรวจ จึงเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีออกมาเคลื่อนไหว จะดำรงตำแหน่งต่อไปทำไม หากไม่ทำประโยชน์ เมื่อคดีนี้เป็นคดีใหญ่ระดับประเทศ เป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ก็ควรจะออกมาพูดบ้าง อย่ามัวแต่หาเสียง เนื่องจากเป็น และผู้บัญชาการตำรวจนครบาลไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้