10 ธันวาคม 2565 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ตั้งข้อหาสังเกตการ ไม่มั่นใจการทำงานของตำรวจ ในคดี "ตู้ห่าว" ว่า มีความล่าช้า และมีเจตนาไม่ตั้งข้อหาฟอกเงิน กับนายตู้ห่าวและพวก
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยืนยันว่า จะต้องมีการตั้งข้อหาฟอกเงินกับ "นายตู้ห่าว" อย่างแน่นอน แต่ตอนนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน และประสานงานกับธนาคาร เรื่องข้อมูลเส้นทางการเงิน เพื่อนำมาประกอบสำนวนคดี ซึ่งการออกมาบอกว่า ไม่มั่นใจการทำงานนั้น ส่วนตัวไม่ได้โกรธหรือน้อยใจ เพราะเชื่อว่า นายชูวิทย์ มีความเป็นห่วง กังวลเกี่ยวเรื่องคดี
ส่วนกรณีที่นายชูวิทย์ ระบุนักท่องเที่ยวจีนที่ถูกจับที่ผับจินหลิงกว่า 200 คน แต่ผลตรวจปัสสาวะเป็นสีม่วงเพียง 6 คนนั้น เชื่อว่าข้อมูลของ นายชูวิทย์ อาจคลาดเคลื่อน เพราะเป็นไม่ได้อย่างแน่นอน ที่จะมีปัสสาวะม่วงแค่ 6 คน โดยการตรวจมีตั้งแต่วันแรก และนำผลเข้าประกอบสำนวนอยู่แล้ว
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ไม่มีใครสามารถไปเปลี่ยนแปลงในรายละเอียดได้ พร้อมย้ำว่า เรื่องนี้ ดังกล่าวตำรวจมีการขยายผลต่อเนื่องทุกวัน และเมื่อวาน (9 ธ.ค.) ได้มีการตรวจค้น 53 จุดทั่วประเทศ ส่วนใหญ่เป็นมูลนิธิ ที่มีความเชื่อมโยงกับการที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ที่อำนวยความสะดวกเรื่องวีซ่า ซึ่งเรื่องดังกล่าวชุดทำงานของตน ได้มีการออกหมายเรียก 27 หัวหน้าสถานีตรวจคนเข้าเมือง ให้นำเอกสารและมา สอบปากคำเพิ่มเติม
จากการตรวจสอบพบว่า มีความผิดอย่างชัดเจน เช่น การอนุมัติให้อยู่ต่อในประเทศ ถึงขั้นนายตำรวจระดับสารวัตรร้องไห้ กินข้าวไม่ลง เพราะไม่สามารถชี้แจงเกี่ยวกับการออกวีซ่า เพราะชุดทำงานของตนเองมีข้อมูลทั้งหมดแล้ว ซึ่งขณะนี้พบว่า มีตำรวจตรวจคนเข้าเมืองมากกว่า 10 นาย เข้าข่ายกระทำความผิด ซึ่งตรงนี้จะต้องดำเนินการอย่างจริงจัง
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (9 ธ.ค.) ได้เชิญ พ.ต.อ.หญิง ภรรยาของนายตู้ห่าว มาให้ปากคำซึ่ง พ.ต.อ.หญิง คนดังกล่าว ได้เข้ามาพร้อมกับทนายความ และให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเรื่องทรัพย์สินของนายตู้ห่าว ส่วน 3 นายพลตำรวจ อดีตผู้บังคับการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เพื่อนร่วมรุ่น นรต.47 จะเชิญมาให้ปากคำเร็ว ๆ นี้ หลังถูกพาดพิงเรื่องเอื้อวีซ่าทุนจีนด้วย
ส่วนกรณี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้มีคำสั่งตั้งจเรตำรวจและคณะกรรมการรวม 10 คน ขึ้นมาตรวจสอบ 3 นายพลนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า ตนเองได้มีการพูดคุยหารือกับ ผบ.ตร.แล้ว ซึ่งจเรตำรวจก็จะเป็นคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมา เพื่อสืบสวนสอบสวนเรื่องวินัยความผิดของตำรวจ หากพบว่ากระทำความผิด ก็จะต้องถูกดำเนินการตามระเบียบ โทษร้ายแรงสุดคือไล่ออก ส่วนตนเองรับผิดชอบในคดีอาญา แต่การทำงานก็จะต้องทำคู่ขนานกันไป พร้อมยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย