8 ธันวาคม 2565 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. กล่าวถึงกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ แถลงข่าวปฏิบัติการทลายภูเขาน้ำแข็งใต้น้ำ ประเด็นสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) คอยอำนวยความสะดวกให้กลุ่มทุนจีนสีเทา พร้อมเปิดหลักฐานการจัดตั้งมูลนิธิรับจดทะเบียนให้คนจีนพักอาศัยในไทยโดยผิดกฎหมาย ว่า
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. อยู่ระหว่างสั่งให้จเรตำรวจลงไปตรวจสอบ เพราะเป็นหน่วยงานกลางในการตรวจสอบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนระยะเวลาในการตรวจสอบจะต้องมีการลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน
ส่วนกรณี นายชูวิทย์ แถลงเรื่องการเปลี่ยนแปลงประเภทการตรวจลงตราหรือวีซ่า ที่เกิดในพื้นที่หนึ่งพล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ ชี้แจงว่าเรื่องการอยู่ต่อ เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องการอำนวยความสะดวกให้กับคนต่างด้าวที่มีความประสงค์ที่จะอยู่ในประเทศไทย ซึ่งมีหลักเกณฑ์ เช่นกรณี Thailand Elite มีมานานแล้ว บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นผู้ออกบัตร
สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง มีหน้าที่ตรวจสอบว่า เป็นคนที่ได้รับบัตรมาถูกต้องหรือไม่ และจะตรวจสอบว่าเป็นบุคคลต้องห้ามหรือไม่ ถ้าได้รับบัตรมาอย่างถูกต้อง เป็นไปตามประกาศของกระทรวงมหาดไทยตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด และไม่เป็นบุคคลต้องห้าม ไม่อยู่ในบัญชีของสตม.ที่ห้ามเดินทางเข้าประเทศ หรือ กรณีมีหมายจับ สตม.ต้องให้เขาอยู่ต่อ
ฉะนั้น การพิจารณาคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักร ตม.จะพิจารณา 2 อย่าง คือ
1.คุณสมบัติครบหรือไม่ เป็นคนเดียวกันตามพาสปอร์ตหรือไม่ ลายนิ้วมือไม่มีการปลอมแปลง
2.เป็นบุคคลต้องห้ามหรือไม่
ถ้า 2 กรณีนี้ครบ สตม. ต้องอนุญาตให้เขาเข้าประเทศ
ประเด็น คือ สตม.อนุญาตคนที่มีคุณสมบัติครบและไม่เป็นบุคคลต้องห้ามเข้าประเทศ แต่เราไม่รู้ว่าเขาจะมาทำผิดหรือถูก หากเขาทำผิดก็ต้องใช้การบังคับกฎหมายไปจับกุมให้ได้เร็วที่สุด จะไปบอกว่าให้คนไม่ดีเข้าประเทศเป็นคนละนัยยะ เราให้คนที่มีคุณสมบัติและไม่เป็นบุคคลต้องห้ามเข้าประเทศ
ในมิติของ สตม. ถ้าไปบอกว่า คนไม่ดีก็คือคนที่เป็นบุคคลต้องห้าม คนที่กระทำผิดกฎหมาย หรือทางองค์กร หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศได้ออกหมายจับและส่งให้เรา เราก็ไปดำเนินการสืบสวนจับกุมเพื่อเพิกถอน ดังนั้นจะต้องแยกระหว่างคนดีกับบุคคลต้องห้ามให้ขาดจากกัน
พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ กล่าวว่า การเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตราการอนุญาตให้อยู่ต่อในราชอาณาจักร เราเข้มงวดมาตลอด 1 ปี เพราะรู้ว่าเป็นความอ่อนไหวที่คนต่างด้าวอาจจะอาศัยหลักเกณฑ์ หรือกรณีเจ้าหน้าที่ ตม.ตรวจเอกสารไม่ครบถ้วนสมบูรณ์
ขณะนี้จะตั้งคณะทำงานในการทบทวนหลักเกณฑ์การขออยู่ต่อในราชอาณาจักร ในแต่ละเหตุผล ทั้งเรื่อง มูลนิธิ การรักษาพยาบาล การศึกษาของสถานศึกษาเอกชน ทั้งในระบบและนอกระบบ อย่างที่นายชูวิทย์ บอกว่าโรงเรียนไม่กำหนดอายุ ถ้าขออยู่บั้นปลายอายุ 50 ขึ้นไป ทำไมโรงเรียนไม่กำหนดอายุตรงนี้ เราจะกลับไปทบทวน แต่ก็เคยมีการหารือกันมาอย่างต่อเนื่อง