7 ธันวาคม 2565 เมื่อเวลา 14.00 น. ที่โรงแรมเดวิส คอนเนอร์วิง สุขุมวิท 24 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง แถลงปฏิบัติการทลายภูเขาน้ำแข็งใต้น้ำ กรณีมีตำรวจสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) คอยอำนวยความสะดวกให้กลุ่มทุนจีนสีเทา พร้อมเปิดหลักฐานการจัดตั้งมูลนิธิรับจดทะเบียนให้คนจีนพักอาศัยในไทยโดยผิดกฎหมาย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
๐ "ชูวิทย์" พบ "บิ๊กโจ๊ก" มอบหลักฐานเส้นทางการเงินกลุ่มทุนจีนสีเทาเพิ่ม
๐ "บิ๊กโจ๊ก" ลั่น"ทุนจีนสีเทา"ไม่มีมวยล้ม แม้มีอำนาจ-เงินเยอะ
๐ "ชูวิทย์" แฉชื่อนอมินี"ทุนจีนสีเทา" จ่อเปิดเส้นทางการเงินใครเอี่ยวบ้าง
๐ “บิ๊กโจ๊ก” ขอเวลา 3 สัปดาห์ ปิดคดี"ทุนจีนสีเทา" จ่อเรียกเมีย"ตู้ห่าว"สอบ
นายชูวิทย์ กล่าวว่า สิ่งที่จะพูดไม่ได้เป็นประเด็นการเมือง แต่เป็นการตั้งคำถามไปยังผู้มีอำนาจ ที่อยู่ในรัฐสภาและทำเนียบรัฐบาล เพราะเรื่องที่เปิดเผยเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น วันนี้จะเน้นไปที่ สตม. ซึ่งเป็นด่านแรก และมีผู้เกี่ยวข้องบางคน ส่งเสริมให้ทุนจีนสีเทาเข้าสู่ประเทศ ในรูปแบบขบวนการแปลงวีซ่า ซึ่งชาวจีนที่ประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย เมื่อเข้ามาในไทย จะได้วีซ่านักท่องเที่ยว สามารถอยู่ในประเทศได้ 30 วัน
ดังนั้น เพื่อเปลี่ยนประเภทวีซ่าเป็นวีซ่าสำหรับประกอบธุรกิจ (non b visa) หรืออาสาสมัครมูลนิธิ (non o visa) จึงติดต่อผ่านคนกลาง ที่มีทั้งรูปแบบสำนักงานกฎหมายชาวจีน ที่ว่าจ้างคนไทย และรูปแบบบุคคล เพื่อไปสมัครเป็นเจ้าหน้าที่อาสาสมัครของมูลนิธิปรานต์ ฮั่นอวี ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการศึกษาภาษาจีนของเด็กและเยาวชน ซึ่งการเปลี่ยนวีซ่าดังกล่าว มีค่าใช้จ่ายกับ ตม.รายละ 100,000-300,000 บาท
นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า มูลนิธินี้ เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2561 มีที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านพิมานชื่น จ.ขอนแก่น โดยในปี 2563 มูลนิธินี้มีสมาชิก 2,747 ราย ใน จ.ขอนแก่น และใน จ.กาฬสินธิ์ อีก 907 ราย ซึ่งผู้ที่อำนาจในการขออนุมัติเปลี่ยนวีซ่านั้น ต้องเป็นระดับผู้บังคับการขึ้นไปของ สตม. โดยระหว่างปี 2563 - 2564 มีการอนุมัติให้ผู้เปลี่ยนประเภทวีซ่าแล้วกว่า 3,325 ราย ซึ่งนายตำรวจดังกล่าว มียศ พล.ต.ต. ถึง 3 นาย เป็น อดีต ผบก.ตม.4 และ ตม.5
โดยในนี้มี 2 นาย เป็นเพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) 47 กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ซึ่งนอกจากมูลนิธินี้ และมูลนิธิอื่นรวม 6 แห่ง และมีสมาคมเถื่อน และการอุ้มท้องซื้อพ่อ ฉะนั้น ผบ.ตร.จะต้องจัดการ ไม่เช่นนั้นเมื่อเรื่องเงียบ ก็จะกลับเข้ามา
นายชูวิทย์ ยังกล่าวถึงกรณี นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตนายตำรวจสันติบาล กล่าวหาว่า ตนตกแต่งบัญชีเพื่อเลี่ยงภาษี ระบุว่า ยกตัวอย่างว่า ตนเป็นเป็นพ่อค้า เมื่อคิดจะลงทุนก่อสร้างโรงแรม แต่เงินไม่พอ ก็ต้องติดต่อผ่านธนาคาร หากไม่อนุมัติให้กู้ ต้องพูดคุยกับกรรมการ เพื่อให้ร่วมลงทุนเพิ่มเติม ถือเป็นเรื่องปกติทางการค้า ทั้งนี้ ในเมื่อมีผู้คิดทำลายตน ต้องถามกลับว่า เจ้าตัวเป็นสรรพากรหรือไม่ หากแต่เป็นตำรวจที่ถูกไล่ออกจากราชการ เพราะประพฤติชั่วร้ายแรง ดังนั้น สิ่งที่ต้องมีคือเครดิต หรือความน่าเชื่อถือ