14 พฤศจิกายน 2565 ความคืบหน้าคดีที่ กลุ่มพ่อ - แม่วัยรุ่น 3 คน ที่ถูกนักเรียนช่างกลโรงเรียนชื่อดังย่านมีนบุรี อุ้มไปกักขัง ในบ้านเรือนไทยหลังใหญ่ ซอยรามคำแหง 63 กรุงเทพฯ เข้าร้องเรียนกับ ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เพื่อขอให้ช่วยติดตามคดี หลังผู้เสียหายทั้ง 3 ราย ถูกคู่กรณีรุมทำร้าย ใช้ปืนกล uzi ปืนพกไทยประดิษฐ์ ปืนลูกโม่ บังคับให้อมอวัยเพศ โดยมีแฟนสาวลูกชายเจ้าของบ้าน ซึ่งเป็นดาว tiktok ชื่อดัง ใช้ไฟแช็กลนบริเวณจุดสงวน ผู้เสียหายทั้ง 3 ราย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
๐ โจ๋ร้องทนายรณณรงค์ช่วย ถูก นร.ช่างต่างสถาบัน จับขัง รุมซ้อม อนาจาร (มีคลิป)
ล่าสุด พ.ต.อ. เศรษฐพันธ์ ศรีสาคร ผกก.สน.หัวหมาก เปิดเผยว่า จากการสืบสวนทราบว่า มีผู้ร่วมก่อเหตุทั้งหมด 17 คน เป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 6 คน และ ที่เป็นผู้ใหญ่อายุเกิน 18 ปีแล้วจำนวน 11 คน ซึ่งพนักงานสอบสวนขอศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาที่เป็นผู้ใหญ่ไปแล้วจำนวน 8 คน อีก 3 คนอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานขอหมายจับเพิ่มเติม สามารถจับกุมตัวมาได้แล้ว 3 คน ส่วนอีก 5 คน อยู่ระหว่างการหลบหนี
ขณะที่ผู้ก่อเหตุที่เป็นเยาวชน ได้ออกหมายเรียกให้มาพบพนักงานสอบสวนไปแล้วทั้งหมด 5 คน สำหรับหัวโจกยังอยุ่ระหว่างออกหมายเรียก ต่หากไม่มาพบพนักงานสอบสวนก็จะขอศาลอนุมัติออกหมายจับ
เบื้องต้นทั้งหมด ถูกเเจ้ง 3 ข้อหา คือ หน่วงเหนี่ยวกักขัง , ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง , ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บ ข้อหาอื่นเกี่ยวกับอาวุธปืนที่ปรากฏตามคลิป และจากคำให้การของผู้เสียหาย รวมถึงข้อหาอื่น ๆ หลังรวบรวมพยานหลักฐานแล้วจะแจ้งเพิ่มเติม ซึ่งเชื่อว่า อาวุธปืนเป็นของจริง เพราะจากการเข้าตรวจค้นภายในบ้านหลังเกิดเหตุ พบเครื่องกระสุนปืนจำนวนหนึ่งนัด ซึ่งเป็นของเยาวชนอายุ 17 ปี ที่เป็นลูกชายเจ้าของบ้าน
รร. ยัน ฟาร์อี ไม่ใช่หัวโจก พร้อมร่วมมือ ตร. เอาผิดนร.ก่อเหตุ
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวเนชั่น ได้เดินทางไปที่ โรงเรียนมีนบุรีโปลีเทคนิค ย่านมีนบุรี เพื่อพูดคุยกับ นายอายุภาพ ตรีชยานนท์ รองผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนากิจกรรมนักศึกษา ให้ข้อมูลว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เด็กนักเรียนของสถาบันทั้งหมด มีเพียง 3 - 4 คน และถูกดำเนินคดีทั้งหมดแล้ว ยืนยันว่า "ฟาร์อี" ไม่ใช่หัวโจก ทั้งนี้ในส่วนนักศึกษาที่ถูกดำเนินคดี นอกจากถูกดำเนินคดี แล้วตามกฎระเบียบของสถาบัน จะต้องถูกลงโทษ ทั้งพักการเรียน ถึงขั้นให้หาสถานศึกษาใหม่ เช่นเดียวกับเด็กที่เรียนในปัจจุบัน
คำว่า หัวโจกตามความคิดก็คือ เด็กที่ไม่ได้เรียนมาเป็นคนบงการมากกว่า คนพวกนี้จะมารายล้อมเอาไว้เพื่อหาผลประโยชน์ เช่น อาจจะมีการเรียกเก็บค่าคุ้มครอง แต่พอเวลาเกิดเหตุคนพวกนี้ก็หายตัวหมด ยอมรับว่า ลูกเจ้าของบ้านที่ก่อเหตุเป็นนักศึกษาของทางสถาบัน แต่รายชื่ออื่น ๆ ที่ตำรวจให้มาไม่ใช่ โดยคนที่มีชื่อร่วมก่อเหตุ ก็ประสานผู้ปกครองให้พาไปมอบตัว ตอนนี้มีสามคนที่ถูกส่งเข้าเรือนจำแล้ว
"เด็กที่เข้ามาเรียน 95% เป็นเด็กดีส่วนเด็กอีก 5% ก็มีเกเร แต่ที่ผ่านมาทางโรงเรียนมีมาตรการในการดูแลพยายามหามาตรการต่าง ๆ ในการดูแลมีครูอาจารย์ลงพื้นที่รับส่งเด็กตามจุดต่าง ๆ ทางโรงเรียน ไม่อนุญาตให้เด็กขึ้นรถเมล์มาโรงเรียน เด็กที่ไม่สะดวกเดินทางกลัวเรื่องของการถูกทำร้าย ก็จะมีหอพักให้อยู่ภายใน"
พ่อ ปัดไม่รู้ ลูกชาย รุมซัอม ครู่อริ ในบ้าน
ผู้สื่อข่าวเนชั่น ยังได้ไปที่บ้านเรือนไทยที่เกิดเหตุ เจอกับพ่อของผู้ที่ทางฝ่ายผู้เสียหายอ้างว่าเป็นหัวโจกในการก่อเหตุ คุณพ่อพาดูบริเวณชั้น1 จุดที่พบกับ ผู้เสียหาย บริเวณชั่นล่าง เเละ บริเวณด้านหลัง พาร์ทเมนต์ห้องพัก จุดที่อ้างว่า มีการซัอม เเละให้ ผู้เสียหายต่อยกัน
คุณพ่อเล่าว่า วันที่เกิดเหตุ 27 ต.ค. ที่ผ่านมา ขณะเกิดเหตุตนไม่อยู่ที่บ้าน และได้ยืนยันกับตำรวจว่า ไม่รู้ว่าเกิดเหตุอะไร เเต่กลับมาก็มาพบคนเจ็บ 2 คนอยู่ในบ้าน คิดว่าเป็นเพื่อนของลูกชาย เมื่อถามคนเจ็บบอกว่า ถูกทำร้ายมาจากจากข้างนอก จึงไม่ได้คิดอะไร ซ้ำยังถามว่า ทำไมมารักษากันเเบบนี้ เพราะบ้านไม่ใช่โรงพยาบาล สภาพคนเจ็บน่วมทั้งตัว
หลังเกิดเหตุได้ถามข้อเท็จจริงกับลูกชาย เบื้องต้นลูกชายบอกว่า ทั้งหมดรู้จักกัน แต่ข้อเท็จจริงหรือรายละเอียดขอให้การในชั้นศาล เพราะเป็นมุมกฎหมาย เพราะไม่ได้อยุ่ในเหตุการณ์ ยอมรับว่าเสียใจมาก ถ้าอยู่บ้านรับรองว่าเหตุการณ์จะไม่เกิดขึ้น
เมื่อถามว่า ลูกพ่อเป็นคนดีมาก พ่อบอกว่า อย่าใช้คำว่าดีมาก แต่คนเรามีดีมีเลว ในจังหวะที่เค้าดีเค้าก็ดี ไปเป็นจิตอาสาไปทำบุญ ที่ผ่านมาก็มีเพื่อนไปมาหาสู่ประจำ ส่วนเพื่อนที่ปรากฏในคลิป 4 - 5 คน ก็ไม่รู้ว่ามีใครบ้าง แต่ก็มีอยู่ข้างในอีก ทั้งหมดจะไปไปมามา เนื่องจากเด็กเรียนอยู่ด้วยกัน เรียนจบสถาบันนี้ก็ไปต่อสถาบันโน้น ทั้งเพื่อนเก่าเพื่อนใหม่ มารวมกัน ที่ผ่านมาก็เคยเตือนว่า อย่ามามั่วสุม อย่าพาตัวแรงแรงเข้ามาภายในบ้าน ของผิดกฎหมายไม่เอาทั้งสิ้น ยืนยันว่า ไม่มีปืน มีแต่มีดอย่างเดียว และลูกชายไม่ใช่หัวโจกในการก่อเหตุ
ส่วนกรณีที่ตำรวจมาค้นเจออาวุธปืน ไม่ใช่อาวุธที่ใช้ในการก่อเหตุ และไม่ใช่ของลูกชาย เป็นอาวุธปืนของตน ตนกลัวเด็กจะเอาไปเล่น จึงนำไปไว้ที่บ้านพี่สะใภ้ แต่อาจจะมีลูกกระสุนปืนหลงเหลือ ลูกชายจึงถูกแจ้งข้อกล่าวหาไปก่อนหน้านี้ และล่าสุดก็ยังถูกออกหมายเรียกอีกฉบับ ซึ่งหลังจากนี้ก็จะต้องพาไปรายงานตัว เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ
ทั้งนี้คุณพ่อยังพานักข่าว ไปดูยังบริเวณจุดที่เกิดเหตุ บริเวณกำแพงของอพาร์ตเมนต์ ในเนื้อที่บริเวณบ้าน พ่อบอกว่าเป็นจุดที่จะให้ลูกไว้พ่นสีเขียนข้อความระบายความรู้สึกต่าง ๆ รวมถึงเขียนชื่อสถาบัน เนื่องจากไม่ต้องการให้ลูกไปพ่นสีตามพื้นที่สาธารณะ ยืนยันว่า ไม่ใช่ผู้มีอิทธิพล
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้พยายามที่จะสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น และพฤติกรรมของนายฟ้าอี นักเรียนช่างที่ก่อเหตุโดยแต่ละคนปฏิเสธที่จะให้ข้อมูล อย่างไรก็ตามนักข่าวได้ข้อมูลว่า นายฟาร์อีติดยาเสพติดและติดน้ำกระท่อม ที่ผ่านมาพ่อเคยพาไปบำบัดที่จังหวัดกระบี่ คนภายในซอยยังให้ข้อมูลว่า เค้าพูดอะไรได้ไม่มาก เพราะตั้งแต่ปากซอยจนถึงท้ายซอย เป็นพื้นที่ส่วนบุคคลของครอบครัวนายฟาร์อี