1 ตุลาคม 2565 "ผบ.ตร." คนใหม่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ หรือ "บิ๊กเด่น" ขึ้นนั่งเก้าอี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คนที่ 13 ต่อจาก พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข แม้จะเป็นการนั่งเก้าอี้หน่วยเพียงแค่ 1 ปี แต่พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ได้วางนโยบายสำคัญๆ รวมถึงสานงานต่อทางด้านเทคโนโลยี โดยจัดลำดับนโยบายเร่งด่วน 2 ประเด็น แก้ปัญหายาเสพติด และ ลดอาชญากรรมออนไลน์
ตำรวจมืออาชีพมากขึ้น ทำงานเชิงรุก เข้าหาประชาชน
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กับนโยบายแนวทางที่วางไว้ในช่วงการดำรงตำแหน่ง 1 ปี ต้องการอยากจะเห็นภาพตำรวจเป็นมืออาชีพมากขึ้น ทำงานเชิงรุก เข้าหาประชาชน รวมถึงเปิดช่องทางให้มีการติดต่อสื่อสาร สามารถรับรู้ปัญหาหรือข้อเสนอแนะของประชาชนมากขึ้น
“ตำรวจมืออาชีพในความคิดผม หนึ่งต้องแม่นข้อกฎหมายระเบียบในสายงานตนเอง ต้องมีความเชี่ยวชาญยุทธวิธีในการทํางาน มีทักษะในการสื่อสารกับบุคลิกภาพต่อพี่น้องประชาชน ตลอดจนมีคุณธรรมจริยธรรมประจําใจ เห็นคลิปต่างๆ ที่สื่อเผยแพร่ในช่วงนี้ก็ยังมีการทํางานที่ยังไม่เป็นมืออาชีพบางครั้ง จึงอยากจะให้มีการพัฒนา เมื่อเจอเหตุการณ์ต้องมีความพร้อมที่จะทํางานตามยุทธวิธีที่ถูกต้อง และสื่อสารกับประชาชนให้เข้าใจในเหตุผลการทํางาน และชี้แจงได้ว่าทําเพราะอะไรเกินกว่าเหตุหรือไม่ อยากจะเห็นภาพทุกมิติของความเป็นมืออาชีพ”
ส่วนการทำงานเชิงรุก พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ บอกว่า จะต้องมีบททดสอบตัวชี้วัด ปัญหาประชาชนคือตัวชี้วัด จะไม่เอาตัวเลขเป็นหลักแล้ว เช่น เราผ่านตัวชี้วัดเรื่องยาเสพติดของหน่วยต่างๆ แต่ปรากฏว่า ผลลัพธ์ออกมา มีคนคุ้มคลั่งจากยาเสพติดเยอะมาก มียาบ้าที่ถูกลง คนติดยาไม่ได้ลดลงอาจจะมากขึ้นด้วยซ้ำ อันนี้ก็ถือว่า ตัวชี้วัดตามตัวเลขผ่าน แต่ผลลัพธ์ออกมา ถามว่าประชาชนพอใจไหม บางจังหวัดยังไม่พอใจ มีข่าวร้องเรียนต่างๆ แสดงว่าตัวชี้วัดที่ตั้งไว้กับความเป็นจริงไม่ตอบสนองหรือสอดคล้องกัน
สานงานด้านเทคโนโลยี พัฒนา รวดเร็วขึ้น
ผู้นำสีกากีคนใหม่ที่ก้าวมาในยุค 5G ในแง่การพัฒนาเทคโนโลยีนั้น พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เปิดเผยว่า เป็นการสานต่องานจากพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข จะพัฒนาระบบให้ดีขึ้น รวดเร็วมากขึ้น อาจจะมีการร่วมมือกับทางแอพพลิเคชั่น อย่างเช่น “แอปฯเป๋าตัง” ถ้าใครเป็นสมาชิกแล้ว จะสามารถเข้าสู่ระบบแจ้งความออนไลน์ได้เลย รวมถึง “แอปฯแทนใจ” ที่ใช้กับตำรวจ เป็นการการสื่อสารตำรวจสองทาง นอกจากให้ความรู้ สิทธิประโยชน์ ยังจะสามารถแจ้งปัญหา ข้อเสนอแนะ ทำให้ผู้บังคับบัญชาแก้ปัญหาได้เร็ว ครอบคลุมมากขึ้น
“ แหล่งอาชญากรรมทุกอย่างต้องถูกควบคุม ทำให้หมดไปให้ได้ แม้ว่าภัยบางอย่างจะอยู่ต่างประเทศ สิ่งสำคัญต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชน เรียนรู้ว่าอะไรดีหรือไม่ดีอย่างไร การถูกโกงทางออนไลน์ หลักๆเรื่องความโลภ อยากได้ผลตอบแทนสูง เราก็ต้องระวังไม่ให้เกิดความโลภ อย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยว รวมถึงพนันออนไลน์ อยากให้ได้เงินง่ายๆไม่มีอยู่จริง ”
ควบคุมงานด้านจราจรเข้มข้นมากขึ้น
ส่วนงานด้านการจราจร พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ต้องการที่จะประชาสัมพันธ์ในเรื่องการเพิ่มโทษ พ.ร.บ.จราจรทางบก ฉบับที่ 13 ในส่วนของค่าปรับ เป็นการทำงานในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่จากปรับ 500 บาทแล้วจะเพิ่มเป็น 4 เท่าคือไม่เกิน 4,000 บาทแต่จะเป็นในลักษณะความผิดซ้ำ จาก 500 บาทเพิ่มเป็น 1,000 บาทเพิ่มขึ้นไปตามความเหมาะสม
“ ในอนาคต บางข้อหาที่ต้องการทำให้เกิดอุบัติเหตุลดน้อยลง อาจจะตั้งค่าปรับสูงขึ้น อย่างเช่น ฝ่าไฟแดง ขับรถเร็วเกินอัตราที่กฏหมายกำหนด จะต้องตั้งเกณฑ์ไว้ที่ 1,000 บาท และอย่าเพิ่งตกใจ ยังไม่มีการเพิ่มในตอนนี้ แต่จะต้องทำงานพร้อมๆกันไปกับการสร้างจิตสำนึก มีวินัยจราจรในการขับขี่รถอย่างปลอดภัยเพื่อลดและป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ ”
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ยังระบุอีกว่า การให้ความรู้สร้างจิตสำนึกในการป้องกันอุบัติเหตุเป็นเรื่องสำคััญ แต่ก็อาจจะมีในลักษณะถ้าไม่มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง จะมีคนฝ่าฝืน เปรียบเหมือนเรารู้ว่ายาเสพติดไม่ดี แต่ก็ยังมีคนไปเสพติด ไปค้ายาเสพติด
ปลูกจิตสำนึกตำรวจ ความสุขประชาชนเป็นรางวัล
สุดท้าย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ อยากจะเน้นย้ำปลูกจิตสำนึกตำรวจ อาชีพเป็นตำรวจ เป็นอาชีพที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ทำงานใกล้ชิดประชาชน เป็นการบำบัดทุกข์บำรุงสุข หากท่านทำดี บำบัดทุกข์บำรุงสุขได้ก็เหมือนได้ทำดีทุกวันทำบุญทุกวัน ท่านสามารถทำบุญได้ทุกวัน และโอกาสก็จะมีไม่นานแค่ 60 ปี หลังจากนั้นก็เกษียณ
“ต้องทำให้เต็มที่อย่าไปบ่นว่าเจองานหนัก ต้องมองในแง่บวกว่าถ้ามีโอกาสทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน ให้นำผลการปฏิบัติที่ทำให้ประชาชนมีความสุขมากยิ่งขึ้นเป็นรางวัล เป็นความภาคภูมิใจ เป็นความสุข ไม่อยากให้เอาความสบายเป็นความสุข อยากให้ตำรวจทุกคนถือว่าการทำงานมากจะยิ่งมีความสุข อยากให้เสียสละให้มากขึ้น ผมจะพูดให้ตำรวจฟังว่าต้องทำงานใกล้ชิดประชาชน ลุกไปหาประชาชน เอาปัญหาประชาชนมาแก้ไขปัญหาให้ได้ทันท่วงทีและรวดเร็ว”
สำหรับเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องเร่งแก้ไขนั้น พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เปิดเผยว่า มี 2 เรื่องใหญ่ ที่ต้องเร่งแก้ไขให้กับประชาชน เรื่องยาเสพติดและลดอาชญากรรมออนไลน์ ต้องพยายามกวาดล้างต้นตอลดคดีที่เกิดขึ้นให้ได้มากที่สุด ส่วนตำรวจเองก็ควรจะต้องเร่งพัฒนาความเป็นมืออาชีพ ดูแลสวัสดิการตำรวจ และปรับปรุงกฎหมายระเบียบให้ทันต่อเหตุการณ์ให้ได้
เปิดประวัติ “พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์”
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เกิดเมื่อ 3 กันยายน 2506 เป็นนักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 22 นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 38 ปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตร์จาก City University สหรัฐอเมริกา สำเร็จหลักสูตร Pacific Training Initiative (PTI) ของ F.B.I, หลักสูตร การควบคุมฝูงชน ของ Tacoma Police Department สหรัฐอเมริกา ดำรงตำแหน่งสำคัญทั้งสายงานด้านปฏิบัติการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม สายงานบริหารอำนวยการสนับสนุน อาทิ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพะเยา ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล ผู้บัญชาการสำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3
ก่อนขยับขึ้นนั่งตำแหน่ง ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ รอง ผบ.ตร. ขับเคลื่อนงานด้านปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี การหลอกลวงประชาชนในสังคมออนไลน์ ปราบปรามการแข่งรถในทาง และงานด้านความมั่นคง โดยทำหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) หรือศูนย์ PCT, ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทาง (ศปข.ตร.), ศูนย์บริหารงานจราจร (ศจร.ตร.), ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.ตร.), ศูนย์บังคับและต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) (ศบตอ.ตร.), ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม และความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศตปค.ตร.) หรือ Anti-Fake News and Security Center of Royal Thai Police (ANSCOP)
สำนักข่าวเนชั่น อาชญากรรม