วันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา (สคร.9) กระทรวงสาธารณสุข เผยข้อมูลเกี่ยวสถานการณ์ การบริโภคหมูดิบของประชาชน ที่เสี่ยงต่อการติดโรคไข้หูดับ พบมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น โดยในเขตสุขภาพที่ 9 พบผู้ป่วยโรคไข้หูดับสะสมตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม ถึง 21 พฤศจิกายน 2567 จำนวน 180 ราย มีผู้เสียชีวิต 16 ราย แยกเป็นรายจังหวัด ดังนี้
1) จังหวัดนครราชสีมา มีผู้ป่วย 108 ราย เสียชีวิต 7 ราย
2) จังหวัดชัยภูมิ มีผู้ป่วย 37 ราย เสียชีวิต 6 ราย
3) จังหวัดสุรินทร์ มีผู้ป่วย 21 ราย เสียชีวิต 2 ราย
4) จังหวัดบุรีรัมย์ มีผู้ป่วย 14 ราย เสียชีวิต 1 ราย
โดยกลุ่มอายุที่ป่วยมากที่สุดคือ กลุ่มอายุ 65 ปี ขึ้นไป รองลงมาคือ กลุ่มอายุ 55-64 ปี และกลุ่มอายุ 45-54 ปี ตามลำดับ
แนะประชาชนระมัดระวังในการบริโภคให้มากขึ้น เพราะหากติดเชื้อโรคไข้หูดับแล้วอาจทำให้สูญเสียการได้ยิน หรือที่เรียกว่าหูดับ จนถึงขั้นหูหนวกถาวรได้ นอกจากหมูดิบเเล้วเมนูอื่นๆ ก็มีความเสี่ยงไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น ลาบเลือดดิบ ก้อยดิบ แหนมหมูดิบ นอกจากผู้ที่บริโภคจะเสี่ยงติดเชื้อแล้ว โรคนี้ยังมีความเสี่ยงไปถึงพ่อครัว แม่ครัว ผู้ประกอบอาหารที่มีบาดแผล หากสัมผัสเนื้อหมูหรือเลือดหมูดิบๆ ที่มีเชื้อ อาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้ ดังนั้น ขอย้ำเตือนประชาชน อย่าบริโภคหมูดิบ รวมถึงการปรุงด้วยวิธีบีบมะนาวเพื่อให้หมูสุก การรับประทานอาหารปิ้งย่างควรเเยกอุปกรณ์คีบเนื้อสุก-ดิบ ออกจากกัน เเละไม่ควรใช้ตะเกียบคีบหมูดิบ ในการรับประทาน
นายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา กล่าวถึงโรคไข้หูดับว่า เกิดจากเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอกคัส ซูอิส (Streptococcus suis) โดยเป็นเชื้อที่อยู่ในระบบทางเดินหายใจของหมู และในเลือดของหมูที่ป่วย ซึ่งสามารถติดต่อได้ถึง 2 ทาง คือ
1.เกิดจากการบริโภคเนื้อและเลือดหมูที่ปรุงแบบดิบ หรือสุกๆ ดิบๆ
2.การสัมผัสกับหมูที่ติดเชื้อทั้งเนื้อหมู เครื่องใน และเลือดหมูที่เป็นโรค โดยเชื้อจะเข้าทางบาดแผล รอยขีดข่วนตามร่างกายหรือทางเยื่อบุตา หรือการสัมผัสเลือดของหมู ที่กำลังป่วย
ซึ่งหลังจากได้รับเชื้อประมาณ 1-14 วัน ผู้ป่วยจะมีไข้สูง ปวดศีรษะอย่างรุนแรง เวียนศีรษะจนทรงตัวไม่ได้ อาเจียน คอแข็ง สูญเสียการได้ยิน ในรายที่เป็นรุนแรงอาจเสียชีวิตได้
นายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธินได้กล่าวถึง เเนวทางในการป้องกันโรคไข้หูดับ โดยขอความร่วมมือให้ประชาชนปฏิบัติตน ดังนี้
1.รับประทานเนื้อหมู หรือเลือดหมูที่ปรุงสุกเท่านั้น ผ่านความร้อนอย่างน้อย 60-70 องศาเซลเซียส ในเวลา 10 นาที
2. อาหารปิ้งย่าง ควรใช้อุปกรณ์ในการคีบเนื้อหมูดิบและเนื้อหมูสุกแยกจากกัน และขอให้ยึดหลัก “สุก ร้อน สะอาด”
3. ไม่ควรรับประทานหมูดิบร่วมกับการดื่มสุรา
4. เลือกซื้อเนื้อหมูจากแหล่งที่มีมาตรฐาน เชื่อถือได้ ไม่ควรซื้อจากแหล่งที่ไม่ทราบที่มาของหมู ไม่ซื้อเนื้อหมูที่มีกลิ่นคาว สีคล้ำ
5. ไม่สัมผัสเนื้อหมูและเลือดดิบด้วยมือเปล่า โดยเฉพาะผู้เลี้ยงหมู ผู้ที่ทำงานในโรงฆ่าสัตว์ ผู้ที่ชำแหละเนื้อหมู สัตวบาล สัตวแพทย์ ขณะทำงานควรสวมรองเท้าบูทยาง และสวมถุงมือ หากมีบาดแผลต้องปิดแผลให้มิดชิด และล้างมือหลังสัมผัสหมูทุกครั้ง
6. หากมีอาการป่วย สงสัยโรคไข้หูดับโดยมีไข้สูง ปวดศีรษะ ร่วมกับประวัติเสี่ยง ขอให้รีบไปพบแพทย์ทันที แจ้งประวัติการกินหมูดิบและสัมผัสเนื้อหมูดิบให้ทราบ หากมาพบแพทย์และวินิจฉัยได้เร็ว ได้รับยาปฏิชีวนะเร็ว จะช่วยลดอัตราการเกิดหูหนวกและการเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงที่หากติดเชื้อจะมีอาการป่วยรุนแรงเนื่องจากร่างกายมีภูมิต้านทานโรคต่ำ ได้แก่ ผู้ติดสุราเรื้อรัง ผู้มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไต โรคมะเร็ง โรคหัวใจ หรือผู้ที่เคยตัดม้ามออก เป็นต้น
ทั้งนี้การรับประทานอาหารควรเป็นไปให้ถูกตามหลักสุขอนามัย เพื่อเป็นส่วนในการป้องกันการเกิดโรคที่ตามมาในอนาคต
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422