สามี-ลูก "เอ๊ะ" เหยื่อรายที่ 6 "นางสาวแอม" ขอรื้อคดี เชื่อถูกวางยาเสียชีวิต

26 เมษายน 2566 ความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตปริศนาของ น.ส.ศิริพร ขันวงษ์ หรือ ก้อย ท้าวแชร์ หลังไปปล่อยปลากับ "นางสาวแอม" น.ส.สรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ เพื่อนสนิท ที่ จ.ราชบุรี จนนำมาสู่คดีฆาตกรรมต่อเนื่อง หลังพบว่ามี ผู้เสียชีวิตในลักษณะเดียวนับสิบราย ด้วยการถูกวางยาด้วย "ไซยาไนด์" 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 
ค้นบ้าน "นางสาวแอม" กับอดีตสามี รอง ผกก. พบขวดยาต้องสงสัย ถูกเผาทิ้งหลังบ้าน
ตะลึง! พบเหยื่อ "นางสาวแอม" 4 ราย ดับปริศนาหลังถูกพาไปหาร่างทรง
ตร.ภ.7 ถกผู้เกี่ยวข้องคดี "นางสาวแอม" ทุกพื้นที่ พร้อมเปิดศูนย์ร้องทุกข์ 
 

ล่าสุดที่ สภ.โพธาราม จ.ราชบุรี สามีและลูกสาวของ น.ส.กะณิกา ตุลาเดชารักษ์ หรือ น.ส.เอ๊ะ อายุ 44 ปี เหยื่อรายที่ 6 ของ นางสามแอม ได้นำหลักฐานเข้าพบกับ พ.ต.อ.ชัชชน นราวุฒิพร ผกก.สภ.โพธาราม เพื่อขอให้รื้อคดีขึ้นมาใหม่

หลังเชื่อว่า น.ส.เอ๊ะ ถูกนางสาวแอม กระทำในลักษณะเดียวกันกับ น.ส.ก้อย ผู้เสียชีวิตที่แพทย์ตรวจพิสูจน์แล้วว่า มีสารพิษในร่างกาย โดยก่อนที่ น.ส.เอ๊ะ จะเสียชีวิต ได้ถูก นางสาวแอม ชวนไปทำบุญ เนื่องจากรู้จักเพราะเล่นแชร์ด้วยกัน และมาเสียชีวิตในพื้นที่ อ.โพธาราม โดยทาง สภ.โพธาราม ได้ตั้งทีมสอบสวนขึ้นมาเพื่อทำคดีนี้โดยเฉพาะ

สามี น.ส.เอ๊ะ กล่าวว่า ตอนนี้ยังสงสัยในคดีอยู่ เพราะเคสคล้าย ๆ กันหมด และ นางสาวแอม ก็อยู่ในเหตุการณ์เดียวกับภรรยาตน ตอนนี้ยังไม่เจอกับนางสาวแอม และไม่อยากเจอด้วย เพราะรู้สึกทำใจไม่ลง ตอนนี้คิดว่า พอจะมีหลักฐานมัดตัวนางสาวแอมได้ ส่วนตัวเคยเจอนางสาวแอม ตอนอยู่ที่โรงพยาบาล หลังจากภรรยาเข้าโรงพยาบาล  อาการตอนนั้นแค่รู้สึกเฉย ๆ ไม่มีการตื่นเต้น หรือตกใจแต่อย่างใด

แต่พอมองย้อนกลับไปก็รู้สึกว่า เขารอบจัด หลังจากนั้นก็ ไม่ได้ติดต่อมาแต่อย่างใด แม้พยายามติดต่อไปหลายสาย แต่ก็ไม่มีการตอบรับ หรือติดต่อกลับมา ตอนที่เจอในโรงพยาบาล ก็เห็นใส่ชุดพลิ้ว ๆ เหมือนชุดนอน ในความคิดส่วนตัวคิดว่า ที่เปลี่ยนเป็นชุดนอน อาจเป็นเรื่องการใช้สารอะไรบางอย่างหรือไม่ จึงต้องเปลี่ยนชุด 

 

สามี น.ส.เอ๊ะ กล่าวว่า น.ส.เอ๊ะ รู้จักกับ นางสาวแอม ผ่านโซเชียล ก่อนถูกชักชวนให้เล่นแชร์ และปล่อยเงินกู้ จากนั้น นางสาวแอม ก็มาชวนไปทำบุญ 9 วัด และปล่อยปลา "น.ส.เอ๊ะ" จึงขับรถจากคลองเตย ไปที่ราชบุรี แล้วเปลี่ยนไปนั่งรถของนางสาวแอม ที่นครปฐม

เมื่อไปถึงปั๊มน้ำมันที่โพธาราม ก็แวะซื้อกาแฟ จากนั้น "น.ส.เอ๊ะ" มีอาการชัก น้ำลายฟูมปาก และเสียชีวิต ซึ่งทางญาติสงสัยว่า ทำไมนางสาวแอม ไม่พา "น.ส.เอ๊ะ" ไปส่งโรงพยาบาล ทั้งที่อยู่ใกล้ ๆ จนชาวบ้านแถวนั้นเห็นน้ำลายฟูมปาก จึงเรียกรถพยาบาลให้


เมื่อมาถึงที่โรงพยาบาล นางสาวแอม มีอาการรีบร้อน ไม่ยอมตอบคำถามใด ๆ ของญาติ ได้แต่พูดว่า สามีเป็นตำรวจ ทั้งที่ไม่มีใครถาม สุดท้าย นางสาวแอม ทำเป็นมีสายโทรศัพท์เข้า แล้วบอกว่า มีธุระต้องรีบกลับ หลังจากนั้นติดต่อไม่ได้อีกเลย งานศพก็ไม่มา นอกจากนี้เงินสด ทรัพย์สิน และมือถือของ "น.ส.เอ๊ะ" ยังสูญหายทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม "น.ส.เอ๊ะ" มีมือถืออีกเครื่อง ที่ไม่ได้เอาไปด้วย เมื่อเปิดดูประวัติการแชท ก็พบว่า นางสาวแอม ขอยืมเงิน และให้ น.ส.เอ๊ะ เอาเงินไปไถ่ทองที่ร้านรับจำนำในนครปฐมให้ จึงไปถอนเงินมา 300,000 บาท จนถึงทุกวันนี้ ก็ยังไม่ทราบว่า เงินอยู่ที่ไหน