คดี"ตู้ห่าว" มีข้อมูลแนวตรวจสอบการทำงานของฝั่งเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะตำรวจนครบาล และหน่วยข้างเคียงอื่นๆ ในแนวจับผิด จับพิรุธจากนายชูวิทย์ มาโดยตลอด แต่ที่ผ่านมาแทบไม่เคยมีคำชี้แจงใดๆ จากกองบัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะหน่วยงานหลักที่ทำคดีนี้ โดยเฉพาะจาก พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.
แต่การแถลงสรุปสำนวนคดีตู้ห่าวในวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา ผบช.น.เปิดข้อมูลหลายประเด็น แต่ไม่ใช่แนวโต้นายชูวิทย์ เพียงแต่เป็นการให้ข้อมูลอีกด้านแบบนุ่มนวล ไม่ชวนทะเลาะ
พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.
“เนชั่นทีวี” ได้ข้อมูลเชิงลึกจากฝั่งนครบาล โดยเรียงลำดับดังนี้
1.ได้รับการประสานจากพนักงานอัยการว่าจะสั่งฟ้องคดีตู้ห่าวต่อศาล ภายในวันจันทร์ที่ 16 มกราคมนี้
2.พยานหลักฐานที่ตรวจสอบร่วมกันระหว่างฝ่ายตำรวจ และฝ่ายอัยการ เห็นตรงกันว่าหลักฐานแน่น เอาผิดนายตู้ห่าว และเครือข่ายได้แน่
3.ได้มีการแจ้งข้อหา “ฟอกเงิน” กับนายตู้ห่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ระยะหนึ่ง โดยเป็นการเข้าไปแจ้งข้อหาในเรือนจำ เพราะนายตู้ห่าวไม่ได้ประกัน
ส่วนสาเหตุที่ไม่แจ้งตั้งแต่ตอนจับกุม เพราะต้องรอหลักฐานการตรวจสอบเส้นทางเงินที่ชัดเจนก่อน ป้องกันการถูกฟ้องกลับ และก่อความเสียหายให้กับภาคธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้อง ประกอบกับวิธีการสืบสวนเรื่องฟอกเงินจากยาเสพติด ต้องตรวจตามเส้นทางเงินเท่านั้น ไม่ใช่ยึดทรัพย์แบบหว่านมาไว้ก่อน เพราะจะก่อปัญหาตามมา และลดความน่าเชื่อถือในการดำเนินคดีในชั้นศาล
4.ประเด็นกล่าวหาเรื่อง ผบช.น.จัดงานเลี้ยงให้อัยการ และอ้างว่ามีการตกลงกันทำสำนวนคดีให้อ่อน ไม่เป็นความจริง เพราะในวัน-เวลาที่มีการกล่าวหา ผบช.น.ติดราชการสำคัญ ไม่ได้ไปที่สำนักงานอัยการสูงสุด ส่วนการเลี้ยงอาหาร เป็นการเลี้ยงอาหารทีมงานตามปกติ ไม่ใช่งานฉลองปีใหม่ โดยมีหลักฐานภาพถ่ายยืนยันชัดเจน
5.ประเด็นกล่าวหาว่า ผบช.น.ทำสำนวนคดีอ่อน โดยเทียบเคียงกับคดี “หลงจู๊ สมชาย” เปิดบ่อนการพนันในภาคตะวันออกนั้น ความจริงแล้ว ผบช.น.ในฐานะผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 เป็นหน่วยที่นำกำลังไปจับกุม “หลงจู๊ สมชาย” แต่การทำสำนวนคดี มีการโอนสำนวนให้หน่วยอื่นนอกพื้นที่ภาค 2 ดำเนินการ ฉะนั้นการกล่าวโทษว่าคดี “หลงจู๊ สมชาย” ศาลยกฟ้องเพราะ ผบช.น. สมัยทำหน้าที่ ผบช.ภ.2 จึงไม่เป็นธรรม
นายตู้ห่าว ผู้ต้องหาคนสำคัญในคดีทุนจีนสีเทา
และที่สำคัญ “คดีทัวร์ศูนย์เหรียญ” ในอดีตที่มีการฟ้องร้องบริษัทโอเอ ศาลยกฟ้องโดยเขียนในคำพิพากษาว่า โจทก์ (ตำรวจ) ไม่มีการสอบปากคำพยานที่เป็นนักท่องเที่ยวเพื่อยืนยันว่าถูกบังคับให้ซื้อสินค้าและบริการ (เดินทางมาด้วยทัวร์ราคาต่ำ แต่ถูกบังคับซื้อสินค้า) แม้แต่ปากเดียว ทำให้ศาลจำเป็นต้องยกฟ้อง ความผิดพลาดในคดีดังกล่าวนี้กลับไม่มีการย้อนพูดถึงว่าใครคือหัวหน้าพนักงานสอบสวน ซึ่งปัจจุบันยังตำแหน่งสูงในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
6.หลังจากอัยการสั่งฟ้องคดีตู้ห่าวต่อศาล จะมีการขยายผลต่อเป็นคดี “ตู้ห่าวภาค 2” เชื่อมโยงกิจการอื่นของนายทุนจีนเทา กับเครือข่ายของตู้ห่าว ซี่งจะสาวไปถึงเครือข่ายใหญ่อีกล็อตหนึ่ง มีผู้เกี่ยวข้องมากมาย รวมถึงบุคคลในแวดวงการเมือง ซึ่งล่าสุดมีหลักฐานเส้นทางการโอนเงิน ผ่องถ่ายเงินชัดเจนแล้ว
ทั้งนี้มีการตั้งข้อสังเกตว่า เพราะเหตุนี้หรือไม่จึงมีความพยายามดิ้นจากหลายฝ่ายเพื่อให้เปลี่ยนตัว ผบช.น.
7.ยืนยันว่า ผบ.ตร.ไม่หวั่นไหว และได้เห็นหลักฐานทั้งหมด จึงมั่นใจการทำงานของพนักงานสอบสวน ไม่มีแนวโน้มปลด ผบช.น. และข้อมูลสำคัญในทางคดีได้รายงานนายกรัฐมนตรีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ใหญ่ในรัฐบาลทราบข้อเท็จจริงทั้งหมด
8.มีหลักฐานชัดเจนว่า เครือข่ายบุคคลที่ออกมาดิสเครดิตพนักงานสอบสวน มีพฤติการณ์ติดต่อนายตู้ห่าว และเครือข่ายมาก่อนที่จะเป็นข่าว โดยบุคคลใกล้ชิดนายตู้ห่าวมีหลักฐานการขู่กรรโชกทรัพย์ เป็นเงินหลักหลายสิบล้านบาท และเชื่อว่าน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการแฉข้อมูลทำลายกัน โดยมีบางฝ่ายได้ประโยชน์ และรอรับผลหากเกิดการเปลี่ยนแปลงทางคดี รวมถึงเปลี่ยนแปลงตัว ผบช.น.
พนักงานสอบสวนยืนยันว่าจะไม่มีการเปิดประเด็นเรื่องกรรโชกทรัพย์ เนื่องจากตำรวจไม่ต้องการเป็นเครื่องมือของฝ่ายใด หากผู้เสียหายต้องการดำเนินคดี ต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการแจ้งความ หรือยื่นฟ้องเอง ซึ่งต้องรอดูท่าทีต่อไป