10 มกราคม 2566 จากกรณีเพจเฟซบุ๊กชื่อ อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น Part5.2 ระบุว่า มีอดีตโยมอุปัฏฐากพระเกจิชื่อดังจังหวัดขอนแก่น ส่งภาพของลับผู้ชายที่ระบุว่าเป็นพระเกจิดังกล่าวส่งไปให้ผู้ชายที่คบหากันเป็นแฟน อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และขอสื่อมวลชนช่วยตรวจสอบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร และเพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหาด้วย และหากเป็นจริงก็ไม่อยากให้พุทธศาสนาต้องมัวหมอง เพราะพระเกจิดังกล่าวมีลูกศิษย์ลูกหาอยู่ทั่วประเทศ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
น.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 33 ปี อดีตลูกศิษย์ เปิดเผยผ่านทางโทรศัพท์ว่า ตนเคยเป็นโยมอุปัฏากที่วัดของครูบาไก่ คอยดูแลครูบาไก่ ไปทำบุญ ไปช่วยสร้างวัด ซึ่งอยู่มานานพอสมควร จู่ๆมีผู้ชายคนหนึ่งทักมาหาตน บอกกับตนเองฝากไปถึงครูบาไก่ว่า ให้ปลดบล็อกให้หน่อย ตนเลยถามว่าทักมาจากไหน ซึ่งชายดังกล่าวก็ให้บอกว่า (ระบุชื่อ)ทักมาพระครูบาท่านรู้ ตนเองก็ได้บอกครูบาไก่ให้
แต่ครูบาไก่ไม่ปลดบล็อกให้ ชายดังกล่าวจึงโมโห บอกว่าตัวเองเป็นแฟนครูบาไก่ คบกับครูบาไก่มา 2 ปีแล้ว ตนเองก็ตกใจ ถามกลับไปว่าพูดมั่วหรือเปล่า เพราะว่าตนเป็นลูกศิษย์ ชายดังกล่าวบอกว่า ตัวเองมีหลักฐานข้อความทุกอย่าง แล้วก็ส่งภาพข้อความแชทที่ครูบาไก่พูดคุยกับชายดังกล่าวมาให้ดู โดยเป็นภาพที่ชายดังกล่าวระบุว่า เป็นครูบาไก่ส่งภาพของลับมาให้หลายภาพในแชท
โดยทั้งหมดเป็นภาพที่ชายดังกล่าวแคปหน้าจอส่งมาให้ดู เป็นภาพที่พูดคุยกันผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวของครูบาไก่ ชายดังกล่าวเล่าให้ฟังอีกว่า คบหากับครูบาไก่มา 2 ปี แต่ข้อมูลที่เก็บมามีประมาณ 4 คน ซึ่งทุกคนตนเองมีเฟซบุ๊กทั้งหมด แต่ตอนนี้คิดว่าชายดังกล่าวน่าจะไม่ออกมาเปิดเผยแล้ว เพราะมีการพูดคุยเจรจาว่าจะจ่ายกันเป็นเงิน 120,000 บาท เพื่อปกปิดหลักฐานให้
ล่าสุด น.ส.บี ได้นำหลักฐานที่เกี่ยวกับการมีสัมพันธ์ของครูบาไก่กับชายอื่น มาเปิดเผยว่า การที่ตนเองออกมาเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับครูบาไก่ เป็นการออกมาปกป้องพระพุทธศาสนา เพราะตนมีหลักฐานครบ ถึงแม้จะถูกสังคมหาว่าทำลายพระพุทธศาสนา โดยก่อนหน้านี้ ตนเคยเลิกยุ่งไปกับครูบาไก่แล้ว เพราะในฐานะที่เป็นลูกศิษย์ พอมีคนเข้ามาแสดงตนว่า เป็นแฟนของครูบาไก่ จึงได้เข้าไปสอบถามกับทางครูบาไก่แล้วว่าใช่เรื่องจริงไหม ซึ่งทางครูบาไก่เองก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง และบอกอีกว่าขอชีวิตใหม่ได้ไหม ไม่อยากให้เปิดโปงเรื่องนี้
ซึ่งตนเองบอกกับครูบาไก่ว่า ถ้าไม่อยากให้เปิดโปง ครูบาไก่ต้องทำให้เห็นก่อนว่า สำนึกจริงๆและจะไม่ทำอีก โดยให้เข้าถ้ำเพื่อปฏิบัติธรรม 1 เดือน ซึ่งครูบาไก่ได้เดินทางเข้าถ้ำไปเมื่อวันที่ 7 พ.ย.2565 ออกมาวันที่18 ธ.ค. รวม 41 วัน และมาขอให้ตนเข้ามาช่วยเหลือทางวัดอีกครั้ง แต่หลังจากนั้นกลับมีการใส่ร้ายตนว่าอมเงินวัด จึงต้องออกมาปกป้องตัวเองด้วย
“ตอนแรกพี่ชายท่านเฝ้าตู้วัตถุมงคล จากนั้นครูบาจึงให้มาช่วยเฝ้า แต่ทุกบาททุกสตางค์พี่ชายของครูบาไก่เป็นคนเก็บเงินเอง เราไม่ได้แตะเงินเลยสักบาท เราทำด้วยใจไม่ได้รับเงินเดือน เวลามีญาติโยมมาเช่าบูชา ตนก็นำเอาเงินใส่ตู้ และทุกเย็นจะนำใส่ซองไปให้พี่ชายครูบาไก่ หลังจากพี่ชายครูบาไก่ออกจากวัดไป ได้โจมตีตนเอง เพราะช่วงที่มีบุญกฐิน ตนรู้สึกว่าพี่ชายเขาเอาเงินไปเป็นส่วนตัวเยอะเกินไป เพราะตนเป็นเจ้าภาพทำเหรียญเป็นทุนให้ ส่วนกำไรเป็นของวัดทุกบาท เหรียญบางรุ่นวันเกิดครูบาไก่ ตนก็ลงทุนไป 4 แสนบาท ก็ถวายให้หมด ทั้งขายให้ทั้งถวายให้
ตนเองจึงไปร้องเรียนพระครูบาว่า จะให้พี่ชายของครูบาหอบเงินไปอย่างนี้ตนเองไม่โอเค สงสารตนด้วย ตนอยากให้วัดเจริญไปข้างหน้า แต่นี่วัดไม่มีอะไรเลย พระลูกวัดเห็นประจำ ชาวบ้านบางคนก็รู้ถึงพฤติกรรมของพี่ชายครูบา ตนเองจึงยื่นคำถึงพระครูบาว่า หากพี่ชายของครูบายังอยู่ ตนจะไม่เข้ามายุ่ง หลังจากนั้น ครูบาจึงให้พี่ชายออกจากวัดไป ตนจึงกลับเข้ามาเฝ้าตู้เช่าวัตถุมงคลแต่ครั้งนี้ได้ใช้เงินส่วนตัวจ้าง จึงออกมาเผยและอยากรู้ว่าตนเองนั้นโกงเงินวัดส่วนไหน” น.ส.บี กล่าว
น.ส.บี บอกอีกว่า ส่วนเรื่องรอยสัก เป็นรอยสักที่เพิ่งสักเป็นรูปพญานาค โดยสักเมื่อประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา ทุกอย่างตนมีหลักฐาน ทั้งคลิปทั้งภาพ ยืนยันได้ว่าเป็นครูบาไก่ตัวจริง ที่ส่งภาพของลับให้กับผู้ชายอักษรย่อ จ. นอกจากนี้ ยังมีหลักฐานอื่นๆที่นำมาเปิดเผย ยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง มีทั้งข้อความที่ครูบาไก่ยอมรับสารภาพว่าทำจริง เรื่องที่ครูบาไก่ขอโอกาสขอชีวิตใหม่ ทั้งหมดนั้น ตนเองมีพยานหลักฐานทั้งหมด รวมทั้ง แชทที่มีการพูดคุยไกล่เกลี่ยปกปิดหลักฐานภาพลับต่างๆจากผู้ชายอักษรย่อ จ. โดยเจรจาขอเงินจำนวน 120,000 บาท จากครูบาไก่ แต่ไม่สามารถตกลงกันได้และตอนนี้คิดว่าน่าจะคุยกันได้แล้ว
ขณะที่ นายเอ (นามสมมติ) ชาว จ.มหาสารคาม ซึ่งเคยเป็นลูกศิษย์ของครูบาไก่ เคยไปช่วยขับรถไปกิจนิมนต์ให้ครูบาไก่ ยืนยันว่า จำได้แม่นว่าเป็นครูบาไก่ทั้งมือทั้งผิวพรรณ หากใครเคยใกล้ชิดจะรู้ทันทีว่ามือใคร วินาทีแรกที่รู้จากน.ส.บี แว้บแรกหัวใจตกไปอยู่ตาตุ่ม ยิ่งพอเห็นหลักฐานต่างๆยิ่งพูดไม่ออก ส่วนของข้อเท้าที่มีรอยสักรูปพยานาคนั้น ยืนยันว่า เป็นของครูบาไก่ที่เพิ่งสักได้ประมาณ 1 ปี อัซึ่งเป็นช่วงที่คบหากับผู้ชายอักษร ย่อ จ. โดยทั้งคู่คบกันประมาณ 2 ปี
นายเอ บอกอีกว่า หากย้อนนับไปก็จะพอดีกับช่วงที่ครูบาไก่สักข้อเท้าหลังจากที่คบกับผู้ชายอักษรย่อ จ. ในวันที่ 4 ต.ค.2565 ทำให้เชื่อได้ว่าน่าจะเป็นเรื่องจริง ตนเองเคยเข้าไปขับรถพาครูบาไก่ไปรับกิจนิมนต์หลายครั้ง จดจำร่างกายได้ทั้งหมด เพราะด้วยความที่ดูแลใกล้ชิดก็จะมองออกทันทีว่าใช่หรือไม่ใช่ และไม่จำเป็นต้องเป็นลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดเป็นปี แค่ 3เดือน 6 เดือน หากใครได้อยู่ใกล้ชิดครูบาไก่ก็จะรู้ทันทีว่าเรื่องจริงหรือโกหก ยืนยันว่าที่พูดมาทั้งหมดเป็นควาวมคิดเห็นส่วนตัว และเป็นความเชื่อส่วนตัว แต่ตนเชื่อในพยานหลักฐานที่ปรากฎ
ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามไปยัง นายติราช นาถปุญโญฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้ทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่ยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน หากใครมีข้อมูลก็ขอความร่วมมือให้ช่วยประสานให้ที เพื่อจะใช้เป็นประโยชน์ต่อการทำงานของคณะสงฆ์ หากมีหลักฐานที่แน่ชัดพอ ก็จะช่วยทางคณะสงฆ์ดำเนินการได้ดีและง่ายขึ้น ซึ่งในการดำเนินข้อมูลนี้ ทางสำนักพุทธจะถวายข้อมูลแก่คณะสงฆ์ ท่านจะดำเนินการด้วยตัวท่านเอง เนื่องจากพระสงฆ์จะมีระบบการปกครองของท่านเอง ทั้งเรื่องพระธรรมวินัยและข้อกฎหมายต่างๆ ดังนั้น ทางสำนักคณะพุทธถ้ามีข้อมูลต่างๆก็จะสนับสนุนเข้าไป และตอนนี้ทางสำนักพุทธยังไม่ได้มีการลงพื้นที่ไปที่วัด แต่ก็จะเร่งดำเนินการ เพราะเป็นเรื่องที่กำลังอยู่ในกระแสของสังคม.