เริ่มจาก “ครูเทียม” ล่วงละเมิดเด็กชาย ส่งต่อมาให้ “อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ” กับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ที่เลิก “ไฮโซพก ประธานวงศ์ พรประภา” แบบไม่มีใครคาดคิด จากนั้น "บิ๊กเอ็ม กฤตฤทธิ์ บุตรพรม" มารับไม้ต่อทันทีกับประเด็นร้อนแรงโดนปลดสายฟ้าฟาด
ก่อนจะไปดูกรณีศึกษาของ “บิ๊กเอ็ม กฤตฤทธิ์" มาดูเส้นทางในวงการบันเทิงของเจ้าตัว “บิ๊กเอ็ม” ไม่ได้นับหนึ่งด้วยการเป็นพระเอก ถือว่าชีวิตของเขานั้นสู้มาไม่น้อย เริ่มเป็นที่คุ้นหน้ากันจากภาพยนตร์เรื่อง “แหยมยโสธร 3” มาเริ่มมีชื่อเสียงเมื่อครั้งเข้าเป็นนักแสดงของวิกหมอชิต ผลงานละครเรื่องแรก “บอดี้การ์ดสาว” ถ้ายังจำกันได้ก็ยังเล่นเป็นตัวร้ายอยู่เลย
ชื่อเสียงของ “บิ๊กเอ็ม” มาดังเปรี้ยง เมื่อได้โอกาสเล่นละครเรื่อง “คีตโลกา” แม้ไม่ได้เป็นพระเอก แต่บทก็ส่งจนแจ้งเกิด ส่งให้ก้าวขึ้นมาเป็นพระเอกอย่างเต็มตัว หลังจากนั้นมีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ ข้ามากับพระ, ผักบุ้งกับกุ้งนาง, เพลงรักเพลงปืน, ร้อยป่า, เจ้าสาวจำเลย, หมอลำซัมเมอร์ ฯลฯ โดยเจ้าตัวจะโดดเด่นเมื่อต้องมาเป็นพระเอกสายบู๊ เรื่องไหนเรื่องนั้นก็ต้องยกให้เขาล่ะ
จนเมื่อปลายปีที่ที่แล้ว “บิ๊กเอ็ม” โพสต์ถูกลอตเตอรี่ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2565 เวลานั้นหลายคนต่างดีอกดีใจไปกับเขาด้วย แต่ใครจะรู้ว่า “ลอตเตอรี่” เปลี่ยนชีวิต หลังจากนั้นชีวิตของ “บิ๊กเอ็ม” ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อเงินที่ควรจะได้กลับไม่ได้ เพราะแท้จริงแล้ว ทั้งหมดเป็นเพียง “เรื่องทิพย์” “เงินทิพย์” “หวยทิพย์” ที่ไม่มีอยู่จริง
สิ่งที่ได้คือกระแสสังคมที่ถาโถมเข้าใส่ จน “บิ๊กเอ็ม” ต้องไปนั่งไลฟ์สดหน้าเครียดอยู่กับ “ บอสณวัฒน์ อิสรไกรศีล” บอกแค่เพียงรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ตนเองตกเป็นแพะรับบาป
ว่ากันว่าเวลาคนเราดวงตกก็มักจะดิ่งแบบสุดๆ เมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา ทางต้นสังกัดได้โพสต์จดหมายยุติสัญญานักแสดง นี่แหละหนังชีวิตของจริง เพราะนั่นหมายถึงอนาคตในวงการบันเทิง ที่น่าสังเกตก็คือจดหมายฉบับนี้ถูกโพสต์ไล่หลัง "บิ๊กเอ็ม" ไปนั่งไลฟ์สดอยู่เพียงไม่กี่วัน ไม่รู้เหมือนกันว่า ก่อนจะไปนั่งไลฟ์นั้น “บิ๊กเอ็ม” ได้บอกกล่าวกับทางต้นสังกัดที่ดูแลหรือไม่
รึนี่เองจะเป็นต้นเหตุของจดหมายตัดสัมพันธ์แบบไม่เหลือเยื่อใย!!