2 มกราคม 2566 ภายหลังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนธิกำลังร่วม" ปปท." เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุม อธิบดีกรมอุทยานสัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมฯ กรณีตรวจพบมีการรรับเงินค่าโยกย้ายตำแหน่ง เป็นเงินสด 5 ล้านบาท
แหล่งข่าวจากสำนักงาน "ป.ป.ช." เปิดเผยว่า เรื่องราวแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นที่กรมนี้แห่งเดียว แต่คนไทยรู้กันทั่ว หน่วยงานไหนมีผลประโยชน์ เก้าอี้ผู้บริหารหน่วยงานนั้นย่อมมีราคา จากนั้นก็เกิดระบบ “ส่วย-สินบน” ส่งกันเป็นทอดๆ กินกันอย่างเป็นระบบ
หน่วยงานระดับกรมหลายแห่ง มีประเพณี "ส่งส่วย" เงินงบประมาณให้ผู้บังคับบัญชาระดับอธิบดี , อย่างระดับ "ผอ.สำนัก - ผอ.กอง" ก็ต้องหักงบประมาณที่ตัวเองได้รับจัดสรรมาสำหรับส่วนงานของตน ซึ่งเป็นเงินภาษีประชาชน ส่งส่วยให้ "ระดับใหญ่" หรือ "อธิบดี"
ทั้งนี้ ตัวเลขที่ตกลงกันคือ 4% หมายถึง 4% ของงบประมาณที่ควรใช้เพื่อประเทศชาติและประชาชน แต่กลับถูกหักไปส่งส่วยให้นาย จากนั้นหน่วยก็ต้องมาประหยัดในเรื่องที่ไม่ควรประหยัด เพราะงบหายไป 4% ยังไม่นับการรั่วไหลแบบอื่น
แหล่งข่าว เปิดเผยต่อไปว่า ส่วน "นาย" ระดับสูง ระดับอธิบดีหรือเทียบเท่า นอกจากรับส่วนแบ่ง "ส่วย" แล้ว ก็ไปหาผลประโยชน์ที่ใหญ่กว่า เช่น โครงการจัดซื้อจัดจ้าง โครงการก่อสร้าง โครงการซ่อมแซม ซ่อมบำรุง กินเปอร์เซ็นต์กันจนงานก่อสร้างบ้านเราไร้มาตรฐานคุณภาพ เพราะผู้รับเหมาต้องหักส่วนหนึ่ง หรือส่วนใหญ่ไปจ่ายหัวคิว ไม่อย่างนั้นไม่ได้งาน
แม้แต่ "งานปลูกป่า" ที่ไม่ควรจะมีเรื่อง "หักหัวคิว" หรือ "กินส่วนต่าง" กันเกิดขึ้น เพราะหลายโครงการก็อ้างเป็นโครงการพระราชดำริ / แต่จริงๆ แล้วก็ยังมี "งานงาบงบ" , โดยมีสูตรที่รู้กันว่า ถ้าปลูกป่า 100 ไร่ ได้ดาวน์ปิคอัพ , ปลูก 500 ไร่ ถอยเก๋ง , ถ้าระดับพันไร่ อาจมีถึงบีเอ็มฯป้ายแดง