การประกาศ 10 นโยบาย ของพรรคเพื่อไทย เมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคม ทำเอาอุณหภูมิทางการเมืองร้องฉ่าขึ้นมาทันที โดยเฉพาะนโยบายโคตรประชานิยม ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ที่เหมือนระเบิดลูกใหญ่ นอกจากจะก่อให้เกิดความแตกตื่นในแวดวงการเมืองแล้ว ในภาคธุรกิจก็ตื่นตระหนกไม่แพ้กัน
เพราะถ้ามองจากสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศในวันนี้ ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ถือว่าเป็นอัตราที่สูงปรี๊ด และยากจะเป็นไปได้ แต่ถ้ามองในแง่หมากทางการเมือง และกลศึกในการช่วงชิงเรตติ้งตั้งแต่เนิ่นๆ ก็พอจะเห็นเหตุและผลที่ทำให้พรรคเพื่อไทยตัดสินใจเล่นท่ายาก เพราะได้มีการประเมินแล้วว่า อัตราค่าแรงขั้นต่ำ จะเป็นอีกไฮไลต์สำคัญ ที่หลายพรรคต้องนำมาห่ำหั่น เพื่อโกยคะแนน
ดังนั้นเมื่อจะรบในเรื่องเรตค่าแรง ครั้นจะประกาศปรับขึ้น 400 – 500 บาท ก็คาดว่าจะไม่แตกต่างจากพรรคอื่นๆ และถ้าอัตราใกล้เคียงกัน นอกจากจะทำให้นโยบายไม่โดดเด่นแล้ว ยังต้องมาเสียเวลาบลัฟกันไปมา ทางพรรคจึงช่วงชิงออกตัวอย่างเร็วและแรง แบบยากที่จะมีพรรคใดกล้าเสนออัตราที่สูงกว่าขึ้นมาแข่ง
สิ่งที่ตามมาก็คือ หลายๆ พรรคจึงต้องปรับกลยุทธ์ แทนที่จะเสนอราคาสู้ ก็เลือกที่จะถล่มนโยบายดังกล่าวให้ย่อยยับ ว่ามันเป็นการขายฝัน จะทำให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศพังพินาศ นโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทจึงถูกบดขยี้ จนพรรคเพื่อไทยต้องออกมาชี้แจงแบบถี่ยิบ
นอกจากนั้นในฟากฝั่งผู้ประกอบการ ส่วนใหญ่ก็ออกอาการยี้อย่างเห็นได้ชัด เพราะแน่นอนว่าจะทำให้ต้นทุนการผลิตพุ่งกระฉูด นักวิเคราะห์หลายคนจึงมองว่า ไปๆ มาๆ การประกาศนโยบายปรับค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท อาจจะทำให้พรรคเพื่อไทย ได้ไม่คุ้มเสีย เพราะไม่ต่างกับการประกาศศึกกับภาคธุรกิจ
แต่พรรคเพื่อไทยก็เตรียมพร้อมแก้เกมไว้แล้ว โดยในการชี้แจงแต่ละครั้งจะอธิบายว่า ไม่ใช่เป็นการปรับขึ้นทันทีทันใด แต่จะเกิดขึ้นภายในปี 2570 ด้วยการทำให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยปีละ 5 % เรตค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท จึงมีความเป็นไปได้ ภายในระยะเวลา 5 ปี หากพรรคเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาล ที่จะทำให้ทั้งประเทศรวยกระจาย ไม่ใช่รวยกระจุย จนกระจาย อย่างที่กำลังเป็นอยู่
อีกทั้งการขึ้นค่าแรงฯ ถือว่าเป็นจุดแข็งของพรรคเพื่อไทย อันเนื่องมาจากเคยฝากผลงานผลักดันนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ให้เป็นจริง ตามที่ได้หาเสียงไว้ในการเลือกตั้งปี 2554 ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ การเปิดประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมา จึงมีเครดิตความน่าเชื่อถือระดับหนึ่ง
และอีกเหตุผลสำคัญที่ผลักดันให้พรรคเพื่อไทยต้องเล่นใหญ่ ก็เนื่องจากความต้องการให้ได้คะแนนเกิน 250 เสียงขึ้นไปในเลือกตั้งครั้งหน้า เพื่อเป็นหลักประกันในระดับหนึ่งว่าจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ดังนั้นการเสนอนโยบายที่โดนใจกลุ่มผู้ใช้แรงงาน ซึ่งมีสัดส่วนที่สูงที่สุด จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นยิ่ง เพื่อให้เป้าหมายลุล่วง
เพราะทางพรรคคงประเมินแล้วว่า หากต้องการเป็นรัฐบาล แค่ชนะเลือกตั้งยังไม่พอ แต่ต้องแลนด์สไลด์ให้ได้...ทั้งแผ่นดิน