ถือเป็น “จอมโจร” ในตำนานเลยทีเดียว สำหรับ “โจรกางเกงใน” ที่ตระเวนลักทรัพย์โทรศัพท์มือถือ ภายในร้าน BANANA ทั่วประเทศ จนเป็นที่กล่าวขานในวงการ เพราะทุกครั้งที่ก่อเหตุ คนร้ายจะสวมกางเกงชั้นในเพียงตัวเดียว พร้อมใช้ผ้าปิดบังอำพรางใบหน้า โดยจะมีการตัดสายกล้องวงจรปิด และถอดเซิฟเวอร์กล้องไปด้วยทุกครั้ง
แต่หลังจากก่อเหตุที่ร้าน BANANA สาขานครนายก จ.นครนายก เมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งได้ทรัพย์สินไปกว่า 128 รายการ มูลค่ากว่า 1,914,895 บาท ถูกตำรวจชุดสืบสวนภาค 2 แกะรอยจับกุมตัวได้ภายในห้องพักเลขที่ 46/185 ชั้น 7 อาคาร 624 comdolette ลาดพร้าว ถ.เสรีไทย แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพ ทราบชื่อคนร้ายคือ นายเจ๊ะอิสมะแอ ฮามะ หรือ “คาร์มัส” อายุ 23 ปี ชาวนราธิวาส
คดีนี้นักวิเคราะห์แผนประทุษกรรม ศปอส.ตร.(PCT) ชุดที่ 5 พบว่า “คาร์มัส” ยังเป็นผู้ก่อเหตุลักทรัพย์ร้าน BANANA อีกหลายสาขาทั่วประเทศ เช่น วันที่ 27 ม.ค.2564 ร้าน BANANA สาขายะลา , วันที่ 9 ม.ค.2565 ร้าน BANANA สาขาสายไหม 109 ซอยสายไหม 9 กรุงเทพฯ
เบื้องต้น “คาร์มัส” ก่อเหตุลักทรัพย์มาแล้ว 9 คดี ใน 9 พื้นที่ ประกอบด้วย สภ.เมืองยะลา , สภ.หาดใหญ่ , สภ.เมืองพัทลุง , สภ.เมืองนครศรีธรรมราช , สภ.เมืองหนองบัวลำภู , สภ.เมืองอุบลราชธานี , สภ.หัวหิน , และ สน.สายไหม โดยถูกออกหมายจับ 4 คดี คือ ศาลจังหวัดยะลา , ศาลอาญามีนบุรี , ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางจังหวัดสงขลา , และศาลจังหวัดพัทลุง
จากการสอบสวน “คาร์มัส” รับสารภาพว่า เป็นผุ้ลงมือก่อเหตุลักทรัพย์ร้าน BANANA จริง โดยหลบหนีมาอยู่ที่คอนโด และเปิดห้องพักโรงแรมย่านรามคำแหง ด้วยการใช้บัตรประชาชนเพื่อน เพื่อซ่อนโทรศัพท์ของกลาง ที่มีการวางแผนจะขนโทรศัพท์กลับนราธิวาส
“สาเหตุที่ลักทรัพย์แต่ร้าน BANANA เพราะชอบกล้วยและชอบสีเหลือง ส่วนที่ชอบถอดเสื้อผ้าให้เหลือกางเกงในตัวเดียว ก่อนเข้าไปก่อเหตุ เพราะมันทำเกิดความรู้สึกมั่นใจ รู้สึกเป็นตัวของตัวเอง โดยจะเลือกร้านที่ก่อเหตุจาก google map ก่อนลงพื้นที่สำรวจเส้นทางรอบร้าน ประมาณ 3-6 ชั่วโมง และลงมือก่อเหตุหลังเที่ยงคืน”
ส่วนกรณีที่ต้องเอากล้องวงจรปิดของร้านไปด้วย เพราะเมื่อปี 2564 เคยตกเป็นข่าวที่ จ.ยะลา โดยมีการกล่าวหาว่า เป็นโจรโรคจิต ทำให้รู้สึกไม่ชอบที่ถูกเรียกแบบนี้ เพราะตนเองเป็น “จอมโจรโรบินฮู้ด” เนื่องจากตอนเด็กๆ เป็นคนไร้บ้าน ไม่มีโทรศัพท์มือถือใช้ ทั้งที่เพื่อนๆ มีใช้กันหมด จึงเป็นการฝังใจว่า อยากมีโทรศัพท์มือถือแบบคนอื่น
“ด้วยความฝังใจ จึงเริ่มก่อเหตุลักเล็กขโมยน้อย และเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ จนแทบกวาดหมดร้าน เมื่อขโมยมาได้แล้ว มักเอาบางส่วนไปขาย เพื่อเอาเงินไปใช้ และบางส่วนไปแจกให้กับคนเร่ร่อนแถวสนามหลวง และหัวลำโพง บางส่วนจะนำไปแจกให้กับคนที่นราธิวาส โดยจะแจกทั้งเงินและโทรศัพท์ เพราะอยากทำสิ่งเหล่านี้มานาน จากคนที่เคยเป็นคนไร้บ้านมาก่อน”
คดีนี้เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้น สำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ โดยเข้าทางช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่จำนงให้เป็นทางคนเข้า หรือรับของโจร
ขอบคุณภาพ : บก.สส.ภ.2