เป็นประเด็นร้อน ๆ ทางชายแดนก่อนจะมาร้อนต่อในโซเชียล กรณีสถานการณ์สู้รบระหว่างทหารสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงกองพลน้อยที่ 6 กองกำลังเคเอ็นดีโอ. และกองกำลังพีดีเอฟ.ของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (National Unity Government: NUG) ยังคงมีการสู้รบอย่างหนักในหลายพื้นที่บริเวณชายแดน จ.ตาก ทำให้มีชาวบ้านหนีตายเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมาก
และวันนี้ (30 มิ.ย.) โซเชียลได้มีการแชร์ข่าวว่า ทหารเมียนมาได้ส่งเครื่อบบินรบมิก 29 บินล้ำแดนเข้ามาเขตไทย 4 - 5 กิโลเมตรหลายครั้ง ชาวบ้าน 2 หมู่บ้าน บ้านวาเล่ย์ใต้ ตำบลวาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก แตกตื่น โรงเรียน 2 โรงเรียนประกาศหยุดเรียนฉุกเฉินทันที ขณะที่ชาวบ้านต่างหนีลงในหลุมหลบภัย โดยเรียกร้องให้ทางกองทัพอากาศดำเนินการกรณีการถูกรุกล้ำอธิปไตยครั้งนี้ รวมถึงมีการแชร์คลิปกันอย่างแพร่หลาย
ล่าสุด พลอากาศตรี ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า วันนี้เวลา 11.16 น. หน่วยงานของกองทัพอากาศได้รายงานการตรวจพบอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บินล้ำแดนบริเวณอำเภอพบพระ จังหวัดตาก โจมตีกองกำลังชนกลุ่มน้อยบริเวณแนวชายแดนและบินล้ำแดนเข้ามายังพื้นที่ประเทศไทย ก่อนเป้าหมายจะจางหายไปจากระบบเรดาร์เฝ้าตรวจการณ์ของกองทัพอากาศในเวลาต่อมา
นอกจากนี้ยังตรวจพบเฮลิคอปเตอร์ปฏิบัติภารกิจอยู่ห่างจากแนวชายแดนบริเวณดังกล่าว ระยะทางประมาณ 5 ไมล์ทะเล (Nautical Mile) แต่มิได้ล้ำแดนมายังพื้นที่ประเทศไทยแต่อย่างใด
กองทัพอากาศ จึงได้มีคำสั่งให้เครื่องบินขับไล่แบบที่ 19 หรือ F-16 จำนวน 2 เครื่อง ขึ้นบินลาดตระเวนรบทางอากาศทันที บริเวณแนวชายแดนอำเภอพบพระ จังหวัดตาก และได้สั่งการผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารอากาศ ประจำสถานเอกอัครทูต ณ ย่างกุ้ง ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เพื่อแจ้งเตือนและหาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวขึ้นอีกในอนาคต
พลอากาศตรี ประภาส กล่าวว่า กองทัพอากาศจะติดตามความเคลื่อนไหวสถานการณ์ต่อไปอย่างใกล้ชิด เพื่อเฝ้าระวังเหตุการณ์และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว รวมถึงพื้นที่ตามเขตแนวชายแดน ตลอด 24 ชั่วโมง ขอให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นว่ากองทัพอากาศจะมุ่งมั่นปฏิบัติภารกิจการป้องภัยทางอากาศอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อพิทักษ์รักษาอธิปไตยและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนชาวไทยเป็นสำคัญ
จากนั้น พลอากาศตรีประภาส เปิดเผยเพิ่มเติมว่า การตอบโต้ของกองทัพอากาศเป็นไปอย่างรวดเร็ว และไม่ล่าช้า หลังจากกองทัพอากาศได้รับการรายงาน และเห็นภาพปรากฏในจอเรดาร์จากสถานีเรดาร์ พบเครื่องบินรบของเมียนมาที่บินใช้กำลังกับทางชนกลุ่มน้อย แต่ยังบินวนในเขตของประเทศเมียนมา ไม่ได้มีทีท่าว่าจะล้ำแดนเข้ามายังฝั่งไทย ทางกองทัพอากาศได้เฝ้าระวัง และติดตามอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง
จากการวิเคราะห์และดูจากสถานการณ์ ไม่พบว่าจะมีการบินเข้ามาในลักษณะของภัยคุกคาม เพราะเจตนาไม่ได้พุ่งตรงปักหัวมาทางทางเรา เพราะหากว่าเขายังไม่ล้ำแดน เข้ามาเราก็ยังไม่สามารถปฏิบัติการใดๆ ได้ เพราะจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต่อกัน
“กระทั่งเราเห็นการใช้อาวุธของเครื่องบินรบเมียนมาแล้ว มีการบินม้วนตัวเข้ามาในเขตไทย ซึ่งบริเวณชายแดน อ.พบพระ ตรงจุดที่บินม้วนนั้น จะเป็นจงอยยืนไป จึงได้สั่งการให้นำเครื่องบิน F-16 จำนวน 2 ลำ จาก อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ที่พร้อมปฏิบัติหน้าที่อยู่แล้ว ขึ้นบินถึงพื้นที่ อ.พบพระ ภายใน 5-10 นาที โดย F-16 ทั้ง 2 ลำ ปฏิบัติการบินเตือน โดยที่ Mig 29 ก็เข้าไปในเขตเมียนมาแล้ว และพบว่าเป้าหมาย ได้จางหายไปจากระบบเรดาร์เฝ้าตรวจการณ์ของกองทัพอากาศ”