วันที่ 10 มิถุนายน 2565 เวลา 12.30 น. ท่าน หาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำราชอาณาจักรไทย พร้อมคณะเข้าเยี่ยมชมมาตรการ GAP Plus ของชาวสวนทุเรียนไทย ณ สวนรักตะวัน ของ นายภานุศักดิ์ สายพานิช นายกสมาคมทุเรียนไทยเพื่อเข้าชมมาตรการ GAP Plus ที่เป็นมาตรการที่ทางชาวสวนทุเรียนไทยได้ปฏิบัติเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการ Zero-Covid ของประเทศจีน เป็นการให้ความสำคัญกับการป้องกันเชื้อโควิด-19 ไม่ให้ปนเปื้อนไปกับทุเรียนตั้งแต่ต้นทางของกระบวนการผลิต
โดยมี นายสมชวน รัตนมังคลานนท์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี สมาคมผู้ผลิตทุเรียนไทย สมาพันธ์ชาวสวนทุเรียนภาคตะวันออก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ
นายภานุศักดิ์ สายพานิช นายกสมาคมทุเรียนไทย ในฐานะตัวแทนชาวสวนทุเรียนไทย ได้กล่าวว่า "เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับ ท่าน หาน จื้อ เฉียง เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำราชอาณาจักรไทย และคณะ ที่ได้มาเยี่ยมชมกระบวนผลิตทุเรียนที่มีคุณภาพ วันนี้ท่านและคณะจะได้เห็นว่า เรามีความตั้งใจที่จะผลิตทุเรียนดีมีคุณภาพส่งไปยังประเทศจีนให้ดีที่สุด"
"ตลอดจนเรายังให้ความสำคัญกับมาตรการโควิด -19 ให้สอดคล้องกับมาตรการของทางจีน และวันนี้เรายังได้มีกิจกรรมให้ชิมทุเรียนพรีเมียมและทุเรียนแปรรูปที่คัดมาพิเศษ ที่สำคัญที่สุดจะขอเรียนเชิญท่านทูตและคณะจะมีการร่วมปลูกทุเรียนเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความสัมพันธ์อันดีของไทย-จีน ด้วย"
ท่าน หาน จื้อเฉียง ได้กล่าวว่า "ทุเรียนถือว่าเป็นคิงออฟฟรุตที่ได้รับความชื่นชอบจากชาวจีนและชาวไทย ผมและคณะของผมก็เป็นผู้บริโภคทุเรียนของไทย การเดินทางมาดูสวนทุเรียนครั้งนี้ ในด้านนึงก็เพื่อศึกษาเรียนรู้การผลิตทุเรียน รวมถึงมาตรการต่างๆเพื่อควบคุมโควิด-19 อย่าง GAP Plus และที่สำคัญในฐานะผู้บริโภคที่ชื่นชอบทุเรียน อยากแสดงความเคารพต่อผุ้ผลิตทุเรียน ที่ผลิตทุเรียนที่อร่อยผู้บริโภคชาวจีนจึงได้ชิมทุเรียนที่อร่อยสุดๆ
ท่านหาน จื้อ เฉียง กล่าวต่อไปว่า "ผมจำได้ว่าครั้งแรกที่ได้ชิมทุเรียนคือได้เดินทางมาประเทศไทยเมื่อ 20 ปีก่อน แต่ตอนนี้ทุเรียนไทยมีขายทั่วไปในประเทศจีน เพราะฉะนั้นผมเองก็อยากขอบคุณกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จังหวัดจันทบุรี สมาคมทุเรียนไทย และท่านสมชวน รัตนมังคลานนท์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ได้ชวนผมมาดูสวนทุเรียนประเทศไทย"
จีนกับไทยเป็นประเทศฉันท์มิตร ตามคำกล่าวที่ว่า จีนไทยพี่น้องกันใช่อื่นไกล ตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งสองประเทศจะไปมาหาสู่กันลดลง แต่ว่าทั้งสองประเทศได้ร่วมมือร่วมใจ สนับสนุนซึ่งกันและกัน ทั้งเรื่องการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ทำให้ความสัมพันธ์ไทยจีนแน่นแฟ้นกันมากขึ้นผ่านการต่อสู้เรื่องโควิด-19 ซึ่งระหว่างความสัมพันธ์ไทย-จีน คือการค้าขายสินค้าทางด้านเกษตร ซึ่งปีที่แล้วสินค้าเกษตรของไทยที่ส่งไปจีน มูลค่าทะลุ 11,300 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการเติบโต 33 % มีสินค้าทุเรียนที่ส่งไปจีนมูลค่า 5,430 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต 87 %
ตั้งแต่มีโควิดขึ้นมาพวกเราก็มีมาตรการต่างๆเพื่อป้องกัน และฝ่ายจีนก็ใช้มาตรการต่างๆเพื่อส่งเสริมการส่งออกทุเรียนไทยไปยังจีน ยกตัวอย่างเช่น มนฑลกว่างสี ในเรื่องการการอำนวยความสะดวกส่งผลไม้ไทยไปจีน ก็ได้ขยายเวลาทำการจากวันละ 8 ชั่วโมง เป็นวันละ 10 ชั่วโมง และจากทำการจากอาทิตย์ละ 5 วัน เป็นอาทิตย์ละ 7 วัน
ผมได้ยินว่าปีนี้ประเทศไทยมีทุเรียนออกมาเยอะมาก แต่ผมก็มั่นใจว่าการส่งออกทุเรียนไทยไปจีนจะประสบความสำเร็จ ในเรื่องของการขนส่งก็ได้มีการเปิดรถไฟลาว-จีน เชื่อว่าอนาคตประเทศไทยจะส่งสินค้าไปยังประเทศจีนได้ทางรถไฟอีกทาง ตอนนี้จีนกับไทยก็ผลักดันการสร้างรถไฟไทย-จีน อนาคตจะมีการขนส่งสะดวกขึ้นเพื่อส่งสินค้าของไทยไปจีนมากขึ้น
ทาง นายกสมาคมทุเรียนไทย บอกผมว่าจะมีการปลูกต้นทุเรียนร่วมกัน ซึ่งผมเชื่อว่าสินค้าเกษตรโดยเฉพาะทุเรียน เป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ของไทย-จีน ผมเองก็หวังว่าต้นทุเรียนที่เราได้ร่วมปลูกกันจะเป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศ ที่ได้มีร่วมกัน “
จากนั้น นายภานุศักดิ์ สายพานิช นายกสมาคมทุเรียนไทย นายสมชวน รัตนมังคลานนท์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ได้นำ ท่านหาน จื้อเฉียง และคณะ ร่วมปลูกทุเรียนเป็นอนุสรณ์ของความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีน และร่วมตัดทุเรียน ชิมทุเรียน บรรยากาศเป็นไปด้วยความชื่นมื่นทั้งคณะท่านทูต คณะของประเทศไทย