รายงานที่จัดทำโดยสำนักงานแอลกอฮอล์ ยาสูบ และวัตถุระเบิด (ATF) ระบุว่ามีการผลิตปืนทั่วสหรัฐฯ มากถึง 11.3 ล้านกระบอก ในปี 2563 ซึ่งเป็นยอดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า จาก 3.9 ล้านกระบอก ในปี 2543
นอกจากนี้ยอดขายปืนยังเพิ่มสูงแม้ในช่วงการระบาดของโควิด-19 และการเลือกตั้งเมื่อปี 2563 โดยในช่วงปี 2562-2563 ความต้องการปืนพกกึ่งอัตโนมัติเพิ่มสูงขึ้นรวดเร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา และการนำเข้าปืนเพิ่มสูงขึ้นด้วยจากปีละเกือบ 2 ล้านกระบอก เมื่อ 10 ปีที่แล้ว เป็น 4 ล้านกระบอก ในปี 2563
ในปีที่แล้วประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีคำสั่งให้ ATF รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับปืนตลอด 20 ปี หลังจากเกิดเหตุกราดยิงสังหารหมู่ครั้งใหญ่หลายครั้งในสหรัฐฯ ล่าสุดองค์กรรณรงค์ควบคุมอาวุธปืน 38 แห่ง ในสหรัฐฯ เรียกร้องให้รัฐสภาและประธานาธิบดีดำเนินมาตรการอย่างเร่งด่วน เพื่อควบคุมความรุนแรงจากอาวุธปืนหลังจากเกิดเหตุกราดยิงที่มีผู้เสียชีวิต 10 ราย ในเมืองบัฟฟาโล รัฐนิวยอร์กเมื่อวันเสาร์
องค์กรเหล่านี้ยื่นหนังสือถึงสภาผู้แทนราษฎรเพื่อขอให้จัดสรรงบประมาณ 750 ล้านดอลลาร์ เพื่อปราบปรามความรุนแรงจากปืนในชุมชน และห้ามจำหน่ายอาวุธปืนและแมกกาซีนที่บรรจุกระสุนได้จำนวนมาก นอกจากนี้ยังขอให้วุฒิสภาผ่านกฎหมายเพิ่มการตรวจสอบประวัติผู้ซื้อปืนเข้มงวดขึ้น นอกจากนี้ทั้ง 38 องค์กร ยังขอให้ประธานาธิบดีไบเดนตั้งสำนักงานป้องกันความรุนแรงจากปืนของทำเนียบขาว เพื่อกำกับดูแลเรื่องนี้
ข้อมูลล่าสุดจากเว็บไซต์ Gun Violence Archives ระบุว่า ตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงวันที่ 18 พ.ค. มีผู้เสียชีวิตหรือผู้บาดเจ็บมากกว่า 29,000 ราย จากเหตุการณ์รุนแรงเกี่ยวกับอาวุธปืนทั่วสหรัฐฯ โดยเฉพาะจำนวนผู้เสียชีวิตสูงเกินกว่า 16,000 ราย และในปีนี้มีเหตุกราดยิงที่มีผู้เสียชีวิตหรือผู้บาดเจ็บตั้งแต่ 4 คน ขึ้นไปรวมอย่างน้อย 203 ครั้ง